นายกฤษฎา โพธิสมภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) ผู้เชี่ยวชาญงานรับเหมาก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีความชำนาญงาน หลากหลายด้าน ได้แก่ งานโครงสร้างเหล็ก งานประกอบและติดตั้งระบบท่อ งานประกอบ และติดตั้งระบบถังบรรจุภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ และงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร และอุปกรณ์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/55 บริษัทฯ มีกำไร สุทธิเท่ากับ 352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% จากกำไรสุทธิ 194 ล้านบาทในไตรมาส 1/54
บริษัทฯมีรายได้รวมในไตรมาส 1/55 ที่ระดับ 617 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 637 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศมูลค่ารวมกว่า 4,900 ล้านบาท
และ ไตรมาสนี้ SRICHA มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 69% โดยกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้น 64% เป็น 411 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรขั้นต้น 251 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีอัตรากำไรสุทธิที่สูงถึง 57% เปรียบเทียบกับเน็ตมาร์จิ้น 30% ในไตรมาส 1/54 ของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ มีการปรับประมาณการค่าใช้จ่ายของโครงการ Ambatovi ซึ่งเป็นโครงการถลุงแร่ขนาดใหญ่ในประเทศมาร์ดากัสการ์ลง หลังจากโครงการเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งทำให้บริษัทฯ ทราบว่าต้นทุนจริงต่ำกว่าต้นทุนที่ตั้งไว้ล่วงหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมากจากการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทฯ มีกำไรต่อหุ้นขึ้นพื้นฐาน(EPS)ในไตรมาส 1/55 เท่ากับ 1.55 บาท เพิ่มขึ้นถึง 82% จากกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.85 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีปริมาณเงินสดในมือเพิ่มขึ้นเป็น 1,169 ล้านบาท จากปริมาณเงินสดในมือ 706 ล้านบาท ณ สิ้นสุดปีบัญชี 54
บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) วางแผนขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับปรชะชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)ในเดือนมิ.ย.นี้ จำนวนหุ้นทั้งหมด 78.25 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อระดมทุนไปใช้ในการขยายโรงงาน ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มเติม รวมถึงเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินงานเพื่อรองรับการขยายงานต่อไป
นายฉัตรมงคล เขมาภิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ SRICHA กล่าวว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นสูงได้ โดยตลอดในช่วง 3 ปีนี้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 58% และมีอัตรากำไรสุทธิ เฉลี่ยสูง 42% โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นเงิน 1,118 ล้านบาทในปี 54 และ 1,195 ล้านบาทในปี 53 และ 720 ล้านบาทในปี 52 ขณะที่มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 20.26 % โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,889 ล้านบาทในปี 54 เพิ่มขึ้นจากรายได้รวม 2,416 ล้านบาทในปี 53 และ 1,988 ล้านบาทในปี 52
สาเหตุที่บริษัทฯ สามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม บริษัทรับเหมาก่อสร้างในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากตลาดโลกมีปริมาณความต้องการงานรับเหมา เครื่องกลขนาดใหญ่ที่บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญพิเศษจำนวนมาก ในขณะที่มีบริษัทคู่แข่งขันที่มี ความสามารถและประสบการณ์สูงเพียง 3-4 ราย ทำให้บริษัทฯ สามารถเลือกรับงานที่มีความถนัด และมีอัตรากำไรที่สูงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับงานโครงการระดับสูงในต่างประเทศมีอัตรา กำไรที่ดีมาก และบริษัทฯ มีนโยบายที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นต่อไป
SRICHA มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (RoE) เฉลี่ยถึง 87.63% และอัตราผลตอบแทนต่อทรัพย์สิน (RoA) ถึง 40.0% ในปี 2552-2554 โดยบริษัทฯ มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 เพียง 1.17 เท่า และไม่มีหนี้สินที่มี ภาระดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน บริษัทฯจึงสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง และมีนโยบายการ จ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ"
SRICHA ก่อตั้งเมื่อปี 2537 โดยนายบุญเครือ เขมาภิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ และกลุ่มทีมงานวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อดำเนินธุรกิจงานก่อสร้างโลหะ ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Mechanical Construction) แบบครบวงจร ได้แก่ งานออกแบบ รายละเอียดทางวิศวกรรม งานจัดหาวัตถุดิบในการผลิต โดยมุ่งเน้นการรับงานก่อสร้างโลหะใน โรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก ด้วยทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาท
บริษัทฯ มีจุดเด่นอยู่ที่ทีมงานวิศวกรระดับสูงที่มี ประสบการณ์ในงานรับเหมา ก่อสร้างงานโลหะหรือเครื่องกลมากกกว่า 20 ปี ความสามารถใน การรับงานที่ใช้ความเชี่ยวชาญสูง และสามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลารวมถึงสถิติการทำงาน ก่อสร้างที่ปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุ และมีประสบการณ์รับเหมาก่อสร้างโรงงานมากว่า 50 โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี โรงถลุงแร่ โรงงานอาหารและเกษตรขนาดใหญ่ อาทิ โครงการ โรงงานถลุงแร่ที่ประเทศมาดากัสการ์ มูลค่างานกว่า 7,500 ล้านบาท โครงการโรงกลั่นน้ำมันเอกซอนโมบิล (เอสโซ) ที่ประเทศสิงคโปร์มูลค่างานกว่า 900 ล้านบาท โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ 1,440 ล้านบาท โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ 200 ล้านบาทที่จังหวัดชลบุรี และงานโรงกลั่นน้ำมัน ประเทศการ์ตามูลค่า 600 ล้านบาทเป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ระดับโลก อาทิ บริษัท ฟอสเตอร์ วีลเลอร์ และ บริษัท เบคเทล จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท เจจีซี (JGC) จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตโครงสร้างเหล็กระดับสูงถึง 20,000 ตันต่อปี และกำลังการผลิตและติดตั้งระบบท่อ 1,000,000 db ต่อปี