ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตหนี้ยุโรปที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 46.17 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 12,460.96 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.14 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 1,314.99 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 13.70 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 2,831.02 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.25% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 6.31% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2551 ที่ธนาคารกลางจีนตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งเพื่อระบายสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 มิ.ย. ลดลง 12,000 ราย มาอยู่ที่ 377,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรก หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันหลังจากเบอร์นันเก้แถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจแห่งสภาคองเกรสเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า วิกฤตหนี้ยุโปรที่ทวีความรุนแรงขึ้นนั้น ได้ส่งให้ระบบเศรษฐกิจและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก
เบอร์นันเก้ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะ และเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ในหลายประเทศของยูโรโซน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังคงสร้างความตึงเครียดให้กับตลาดการเงินทั่วโลก
"วิกฤตหนี้ยุโรปได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐด้วยการฉุดรั้งอุตสาหกรรมส่งออกของเรา อีกทั้งยังบั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจและผู้บริโภค และยังสร้างแรงกดดันให้กับตลาดการเงินและสถาบันต่างๆในสหรัฐด้วย" เบอรนันเก้กล่าว
อย่างไรก็ดี นักลงทุนคลายความกังวลลงในระดับหนึ่งหลังจากเบอร์นันเก้กล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการต่อไปเพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หากเศรษฐกิจอ่อนแอลง และแรงตึงเครียดด้านการเงินทวีความรุนแรงมากขึ้น
การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของจีนช่วยหนุนหุ้นบริษัทอุตสาหกรรมที่พึ่งพายอดขายในตลาดจีน โดยหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นโบอิ้ง ดีดขึ้น 1.4%
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ร่วงลงอย่างน้อย 1.3% หุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง คอร์ป ร่วงลง 2% ส่วนหุ้นเบสท์ บาย ร่วงลง 1% หลังจากนายริชาร์ด ชูซ์ ประธานเบสบายประกาศลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 1.9%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าสหรัฐจะขาดดุล การค้า 4.95 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.