บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH)เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ พร้อมกันนั้น ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศเพื่อตั้งโรงงานผลิตยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งจัดตั้งห้องแล็ปที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย
สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ราว 4.5 หมื่นล้านบาท โดยกิจการที่เป็นธุรกิจ non-core คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรสูงถึง 18-20%
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BGH กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดสร้างห้องแล็บที่ทันสมัยและสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย สามารถพิสูจน์โรคต่างๆ ได้เร็วและหลายชนิดโรค จากเดิมที่การพิสูจน์โรคที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจะต้องส่งต่อไปยังห้องแล็บที่ต่างประเทศ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนหลักพันล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศหลายราย เพื่อสร้างโรงงานผลิตยาแบรนด์ต่างประเทศชั้นนำในประเทศไทย คาดว่าจะมีข้อสรุปภายในปีนี้ ขณะเดียวกัน ยังมีการเจรจาซื้อกิจการโรงพยาบาลทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนของบริษัท
"เราจะร่วมมือกับต่างประเทศที่เป็นแบรนด์ดีๆ มาตั้งโรงงานและผลิตยาร่วมกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายการสั่งยา และธุรกิจนี้จะมีกำไรมาก...เราจะตั้งโรงงานผลิตยาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เป็นลักษณะ join venture กับต่างประเทศให้เข้ามาตั้งโรงงานในไทย ซึ่งต้นทุนการผลิตยานั้นไม่มาก แต่จะลงทุนด้านวิเคราะห์ วิจัยมากกว่า" นพ.ปราเสริฐ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจโรงพยาบาลราว 15% โดยการดำเนินธุรกิจหลักในปีนี้จะสร้างผลกำไรเติบโต 10-12% โดยที่ไม่สามารถทำกำไรได้สูงกว่านี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ ดังนั้น จึงต้องมีการนำธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (non core) ทั้งโรงงานผลิตยา อุปกรณ์การแพทย์ และห้องแล็บ เพื่อเป็นกำไรเสริม แต่มีจะมีผลกำไรเติบโตได้สูงถึง 18-20%
"ปกติ organic growth ในทุกกลุ่ม ทุกโรงพยาบาล จะมีรายได้เติบโต 15% และกำไรเติบโต 12% ซึ่งเราทำกำไรสูงเกินไปไม่ได้...ปีนี้น่าจะมีรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท จะเป็นรายได้จาก non-core ราว 3 พันล้านบาท" นพ.ปราเสริฐ กล่าว