นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU)คาดว่า ราคาขายถ่านหินในปีนี้จะอยู่ประมาณ 97 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนราคาขายเฉลี่ยที่ 100 เหรียญ/ตัน แม้ว่าปัจจุบันราคาจะปรับลงไปกว่า 90 เหรียญ/ตัน แต่ในช่วงครึ่งปีหลังต้องติดตามว่าราคายังไหลลงหรือไม่ โดยเห็นว่าถ่านหินยังเป็นพลังงานราคาถูกในการผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ ยอมรับว่าภาพราคาถ่านหินในขณะนี้สับสนทั้งภาพปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลก จากปัจจัยปัญหาเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐและยูโรป รวมถึงเศรษฐกิจในจีนและอินเดียชะลอตัว อาจมีผลทำให้ความต้องการถ่านหินโดยรวมลดลง ประกอบกับ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีการผลิตถ่านหินมากในอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ทำให้ภาพของซัพพลายมีออกมาค่อนข้างมาก
"เรายังพูดไม่ได้ว่าภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจโตช้าลงจะทำให้การบริโภคถ่านหินช้าลง เพราะปกติต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินต่ำที่สุด ตอนนี้ราคาถ่านหินลงมาที่ 90 กว่าเหรียญ FOB ...เท่าที่เราดูว่าถ่านหินปีนี้น่าจะอยู่ที่ 97 เหรียญโดยเฉลี่ย"นายชนินท์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ราคาขายถ่านหินล่วงหน้าสำหรับถ่านหินในอินโดนีเซียปริมาณ 27 ล้านตันนั้น บริษัทได้กำหนดราคาขายแล้ว 90% ของปริมาณทั้งหมด ที่เหลืออีก 10% อาจจะได้รับผลกระทบหากราคาถ่านหินลดลงมาในระดับต่ำ
สำหรับการขายล่วงหน้าจะเริ่มขายในเดือน ก.ค.-ธ.ค.จะพิจารณาขาย 50% แต่หากราคาถ่านหินในครึ่งปีหลังนี้ไม่ดี บริษัทก็อาจจะขายล่วงหน้าน้อยลง
ส่วนกรณีที่ทางการอินโดนีเซียมีแนวโน้มจะเก็บภาษีส่งออกถ่านหินนั้น นายชนินท์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนี้จากรัฐบาลอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เพราะสัดส่วน 40% ของปริมาณที่ผลิตได้ บริษัทขายในประเทศอินโดนีเซีย และก็คาดว่าทางการอินโดนีเซียคงจะไม่เก็บภาษีในอัตราสูง เพราะจะส่งผลต่อต้นทุนและจะเป็นปัญหาต่ออินโดนีเซีย รวมทั้งอาจจะถูกถ่านหินจากออสเตรเลียตีตลาดได้
พร้อมกันนั้น นายชนินท์ ยืนยันว่า การออกกฎเกฤณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้บริษัทหยุดการลงทุนในอินโดนีเซีย