นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า ในปี 55 ธนาคารยังคงเป้าสินเชื่อสุทธิเติบโตที่ 8-10% แม้ในไตรมาส 1/55 สินเชื่อจะเติบโตได้ไม่ดีนักเพียง 1.7% แต่ในไตรมาส 2/55 น่าจะดีขึ้น และครึ่งปีแรกส่วนเชื่อน่าจะเติบโตได้ราว 5% นอกจากนี้ธนาคารได้พยายามแก้ปัญหาสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยแก้ได้แล้วกว่า 6 พันล้านบาทจากเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท
"สินเชื่อโตตามจีดีพีที่ปีนี้คาดว่าโต 5-6% บวกกับเงินเฟ้อ ทั้งปีสินเชื่อก็น่าจะโต 8-10% แต่ไตรมาส 1 ยังโตไม่ดี ถ้าไม่รวมการแก้หนี้เสียก็โต 2.5%...สินเชื่อยังไม่ดีนักก็ต้องทำให้ได้ เราที่ผ่านมาเรามุ่งตั้งหลักตั้งฐานให้แข็งแกร่ง" นายสมเจตน์ กล่าว
สำหรับธุรกิจประกันชีวิตที่ยังมีความซ้ำซ้อนของบริษัทธนชาตประกันชีวิต กับ บริษัทประกันชีวิตนครหลวงไทยหลังการควบรวมกิจการกับ ธนาคารนครหลวงไทยนั้น ขณะนี้ธนาคารยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษารายละเอียดถึงแนวทางที่เป็นประโยชน์ที่สุดแต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถตัดสินใจได้ เพราะกระบวนการทำงานต้องใช้เวลาเพื่อทำให้เกิดเป็นรูปธรรม แต่คาดว่าจะมีข้อสรุปได้ภายในปีนี้
"เรื่องอย่างนี้แทบจะบอกล่วงหน้าไม่ได้ จะทำก็ทำเลย เปิดเลย ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแต่ยังไม่นำไปสู่การตัดสินใจว่าจะทำอะไร" นายสมเจตน์ กล่าว
นายสมเจตน์ กล่าวอีกว่า ปัญหาวิกฤติหนี้สินยุโรปในขณะนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวลว่าจะเกิดผลกระทบต่อธนาคาร เนื่องจากธนาคารไม่ได้มีการทำธุรกรรมการเงินกับสถาบันการเงินในยุโรป ที่ผ่านมาธนาคารได้มีการปรับตัวและใช้ข้อมูลจากธนาคารโนวาสโกเทีย ที่เป็นพันธมิตร แต่ปัญหายุโรปยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด
ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาในการขยายธุรกิจใน AEC แต่ที่ผ่านมาได้ใช้เครือข่ายของธนาคารโนวาสโกเทียในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศอยู่แล้ว ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ขณะเดียวกับการตั้งรับการเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยของธนาคารต่างประเทศ เชื่อว่าไม่ได้ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไทยเกิดความอ่อนแอ และไม่ได้รังเกียจการเข้ามาขยายธุรกิจ เพราะธนาคารพาณิชย์ไทยมีการสร้างความแข็งแกร่งไว้พร้อมแล้ว ทั้งฐานะการเงิน เทคโนโลยี การวางระบบบริหารจัดการ