ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) เนื่องจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารของสเปนและอิตาลี อันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารสเปนมูลค่า 1 แสนล้านเยนนั้น จะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนได้
ดัชนี Stoxx 600 ปิดทรงตัวที่ 241.92 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3042.76 จุด ลบ 8.93 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6141.05 จุด บวก 10.23 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนที่ 5432.37 ลบ 2.71 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ยูโรโซนพร้อมให้ความช่วยเหลือทางการเงินสูงสุด 1 แสนล้านยูโร แก่ภาคธนาคารสเปนที่กำลังประสบปัญหา และรายงานที่ว่าการค้าระหว่างประเทศของจีนขยายตัว 14.1% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 3.4358 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม ดีดขึ้นจากเดือนเมษายนที่ขยายตัวเพียง 2.7% และทำสถิติขยายตัวสูงสุดรายเดือน ทุบสถิติเดือนพฤศจิกายน 2554 ซึ่งทำไว้ที่ 3.3411 แสนล้านดอลลาร์
แต่ตลาดเริ่มอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เมื่อนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารสเปนมูลค่า 1 แสนล้านเยนนั้น จะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อระยะยาวของสเปนลง 3 ขั้น สู่ระดับ BBB จากเดิมที่ A อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวภาวะอ่อนแอในภาคธนาคารของสเปน
การที่ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 3 ขั้น ได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารของสเปนและอิตาลีร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบังโค ซานตานเดร์ ดิ่งลง 0.3% หุ้นธนาคารบังโค บิลเบา วิซคายา อาร์เจนตาเรีย ทรงตัว หุ้นธนาคารบังโค ป๊อปปูเลร์ ร่วงลง 1.9% หุ้นยูนิเครดิต ร่วงลง 8.8% หุ้นเมดิโอบังโค ร่วงลง 5.6% และหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 5.9%
อย่างไรก็ตาม หุ้นโฟล์คสวาเก้น พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นพอร์ช ดีดตัวขึ้น 2.4%