โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 0.92 บล.ฟิลลิป ซื้อ 0.92 บล.ธนชาต ซื้อ 1.02 บล.บัวหลวง ซื้อ 1.27 บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 0.89
นายอำนาจ โงสว่าง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ"ซื้อ"หุ้น BTS โดยมองว่าราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่ รมว.มหาดไทย ทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)โดยระบุว่า กทม.ไม่มีอำนาจว่าจ้าง BTS ทำหน้าที่บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายของเส้นทางเดินรถสายสีเขียวอ่อนนุช-แบริ่งเป็นเวลา 30 ปี ตั้งแต่ 55-85 และเส้นทางที่มีอยู่ตั้งแต่สิ้นปี 72-85 เพราะเป็นอำนาจของรมว.มหาดไทยนั้น
มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องการเมือง และหากสัญญาที่เซ็นกับ กทม.เป็นโมฆะจริงก็ไม่น่าจะส่งผลต่อราคาหุ้นมากนัก เพราะเชื่อว่าในที่สุดแล้ว BTS น่าจะได้เป็นผู้บริหารการเดินรถอยู่ดี แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนระยะเวลาสัญญาหรือไม่นั้นก็ต้องติดตามต่อไป
"สัญญาอันใหม่เป็นสัญญาระยะยาว เปลี่ยนจากเดิมที่เป็นระยะสั้น 1 หรือ 2 ปี คิดว่าไม่น่าจะมีใครบริหารได้ BTS น่าจะได้บริหารต่อเพราะเขาก็ได้ดำเนินระบบต่างๆ ไปหมดเรียบร้อยแล้ว ถ้าได้ 30 ปีจริงก็จะสร้างความเชื่อมั่นว่ารายได้ระยะยาวจะได้แน่นอน แต่ถ้าไม่ได้ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นแบบ 1 ปีต่อ หรือ 2 ปีต่อ"นายอำนาจ กล่าว
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในงวดปีนี้(เม.ย.55-มี.ค.56)เชื่อว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจรถไฟฟ้าที่ปีนี้คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น 15% เป็นผลสืบเนื่องจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า ขณะที่ในช่วงปลายปีก็จะมีการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายเพิ่มอีก 2 สถานี และมีขบวนรถเพิ่มเข้ามาอีก 35 ขบวน ขณะที่ธุรกิจโฆษณาก็คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 40% จากปีก่อนหลังบริษัทได้บริหารพื้นที่โฆษณาในโมเดิร์นเทรดมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้รวมงวดปี 56 จะเติบโต 26% จากงวดปี 55 ที่มีรายได้ 9.25 พันล้านบาท แต่กำไรสุทธิจะลดลงจากงวดปีก่อนที่ 2.1 พันล้านบาท เพราะงวดปีก่อนมีรายการพิเศษเป็นค่าชดเชยจากกรมธนารักษ์ประมาณ 1 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากตัดกำไรพิเศษออกไป กำไรสุทธิปีนี้น่าจะเติบโตประมาณ 70%
"ผมมองว่า BTS เป็นหุ้นที่เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว เพราะดูจาก trend ธุรกิจก็น่าจะมี growth ที่ค่อนข้างดี ส่วนปัจจัยเสี่ยงก็น่าจะสะท้อนไปแล้ว อาจจะกดดันบ้าง"นายอำนาจ กล่าว
ทั้งนี้ แนะนำ "ซื้อ" หุ้น BTS ที่ราคาเป้าหมาย 0.92 บาท โดยยังไม่รวมผลบวกเรื่องสัญญารับจ้างเดินรถไฟฟ้า 30 ปี ซึ่งสัญญาดังกล่าวน่าจะเพิ่มมูลค่าหุ้น 0.10 บาท
ด้านนายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการของ BTS ในงวดปีนี้(เม.ย.55-มี.ค.56) น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่งเข้ามาเต็มปี ขณะที่เส้นตากสิน-บางหว้าจะมีการเปิดใช้งานเพิ่มอีก 2 สถานี ได้แก่ โพธิ์นิมิตและตลาดพลู ในช่วงเดือน ธ.ค.ซึ่งจะทำให้มีการรับรู้รายได้เข้ามาอีกหนึ่งไตรมาส
ขณะที่ธุรกิจโฆษณาก็มีพื้นที่ให้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะจากโมเดิร์นเทรด นอกจากนี้ก็มีแผนนำบริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งก็ได้มีการยื่นไฟลิ่งไปแล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องสัญญาสัมปทานก็ยังต้องติดตามต่อไป แต่ที่ผ่านมาทางกระทรวงการคลังและคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ออกมาระบุว่าสัญญาดังกล่าวไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
พร้อมคาดกำไรสุทธิในปีนี้ที่ 1,588 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 2.1 พันล้านบาท ซึ่งมีรายการพิเศษประมาณ 1 พันล้านบาท โดยยังคงแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 0.29 บาท
ขณะที่บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BTS เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากบริษัทสามารถสร้างกระเสเงินสดได้จำนวนมากจากธุรกิจเดินรถไฟฟ้าและสื่อโฆษณา ขณะที่บริษัทก็มีแผนจะชะลอธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ประสบความสำเร็จออกไป นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้นจากกำไรจากการขายที่ดินว่างเปล่า และธุรกิจสื่อโฆษณาที่จะจดทะเบียนซื้อขายใน SET ในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องสัญญาเดินรถ 30 ปี ในกรณีเลวร้ายสุดถ้าสัญญาเป็นโมฆะ เชื่อว่า กทม.จะไม่จ้างผู้ประกอบการอื่นมาดำเนินงานเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางต่อขยาย เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ระบบเดียวกัน มิฉะนั้น ผู้โดยสารจะต้องเปลี่ยนรถไฟระหว่างสถานีของ BTS กับสถานีของผู้ประกอบการอื่น นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการลงทุนมหาศาล เพราะผู้ประกอบการอื่นจำเป็นต้องสร้าง depot ใหม่ ซึ่ง กทม.อาจจะต้องกลับมาทำสัญญารายปีกับ BTS แทน