บลจ.กรุงไทย ออก 2 กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น คาดผลตอบแทน 2.85-3.2%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 12, 2012 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 38 (KTSUPB38 ) ในวันที่ 13-20 มิถุนายน 2555 อายุ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณอชย์ไทย และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ในสัดส่วน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ PT Bank CIMB Niaga Tbk (CIMB NIAGA ), เงินฝากประจำ Union National Bank (UNB), เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) และ MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. (BRADES) โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3 (KTSIV3M3) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2555 เป็นกองทุนประเภท Roll Over อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝากหุ้นกู้ระยะสั้น ของธนาคารออมสิน ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) ในสัดส่วน 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม และส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85%ต่อปี

นายสมชัย กล่าวต่อว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ของไทยยังคงปรับตัวลดลง โดยตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี อยู่ในช่วง 2.88% — 3.14% เนื่องจากความกังวลต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ ในกลางสัปดาห์นี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งตลาดการเงินส่วนใหญ่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.00% ต่อเนื่อง เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจสูง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศยังได้รับอิทธิพลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราแลกเปลี่ยนสวอประหว่างสกุลบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ เริ่มทรงตัว ซึ่งตลาดการเงินรอติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินในสเปน และรอผลการเลือกตั้งของกรีซ ซึ่งจะส่งผลต่อสถานะการคงอยู่เป็นสมาชิกของกลุ่มประชาคมยุโรป ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อเริ่มมีการทยอยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศและสถาบันการเงินในยุโรป ทำให้ตลาดยังคงมีความกังวลต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และจะกระทบให้เกิดความความไม่แน่นอนต่ออัตราผลตอบแทนและทิศทางการเงินลงทุนในต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ