ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แม้ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากความกังวลเรื่องภาคธนาคารของสเปนก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 162.57 จุด หรือ 1.31% ปิดที่ 12,573.80 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 15.25 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 1,324.18 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 33.34 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 2,843.07 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากหลังจากนายชาร์ลส อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก เน้นย้ำให้เฟดดำเนินมาตรการเชิงรุกด้านนโนบายการเงินมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ พร้อมกับเรียกร้องให้เฟดระบุอย่างชัดเจนว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าอัตราว่างงานของสหรัฐจะต่ำกว่า 7% หรือหากเงินเฟ้อสูงกว่า 3% จากเป้าที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2%
การแสดงความคิดเห็นของนายอีแวนส์ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เฟด) ซึ่งจะประชุมกันในวันที่ 19-20 มิ.ย.นี้ อาจจะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวได้ช่วยลดแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีของสเปนที่พุ่งขึ้น 0.20% แตะที่ 6.71% เมื่อวานนี้ และจากการที่ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสเปน
ทั้งนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารสเปนอีก 18 แห่งเมื่อวานนี้ โดยธนาคารที่ถูกปรับลดเครดิตในครั้งนี้ ได้รวมถึง บังเกีย ไคซาแบงก์ และบังโก ปอปูลาร์ เอสปันญอล
ห้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มการเงิน และกลุ่มอุตสาหกรรมทะยานขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 3% ขณะที่หุ้นเท็กซ์ทรอน พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ตกลงซื้อเครื่องบินเจ็ทหลายลำจากบริษัทแห่งนี้ ส่วนหุ้นเฟิร์ส โซลาร์ พุ่งขึ้น 21%
หุ้นอัลโค อิงค์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.9% ก่อนที่นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน จะเข้าชี้แจงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับกรณีการขาดทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 1.5% หลังจากมีรายงานว่าเฟซบุ๊กเตรียมซื้อกิจการคอมสกอร์ อิงค์
กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลกลางสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณราว 1.246 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. หลังจากที่มียอดเกินดุลในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐนจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค.