นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า(CENTEL) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในปี 55 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.14 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่เดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.38 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ จากปีก่อนทำกำไรที่ 2.3-2.4 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารอย่างต่อเนื่อง แต่เป้าหมายธุรกิจบริษัทยังเน้นการตั้งเป้าแบบ conservative เป็นปกติ โดยจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10%
สำหรับแผนธุรกิจรับมือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ปี 58 บริษัทพร้อมนำ chain กลุ่มโรงแรมเซ็นทรัลรุกตลาดอาเซียน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือ 31 แห่ง และรับบริหารโรงแรมรวม 23 สัญญาใน 8 ประเทศ(ไม่รวมในไทย) บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อบริหารโรงแรมในอาเซียน ประกอบด้วย อินโดนีเซีย 5 แห่ง ฟิลลิปินส์ 4 แห่ง ซึ่งเซ็นสัญญารับบริหารแล้ว 2 แห่ง พม่า 2 แห่ง และลาว 1 แห่ง คาดว่าทั้งหมดจะมีข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีโรงแรมในจีนอีก 6 แห่งที่อยู่ระหว่างเจรจารับบริหารด้วย
บริษัทคาดว่าภายในปี 58 จะมีโรงแรมในเครือ รวมถึงโรงแรมที่รับบริหาร รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 70 แห่ง จากปัจจุบันมี 54 แห่ง โดยยอมรับว่าการลงทุนสร้างโรงแรมเองอาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีมาก แต่การลงทุนธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงมาก จึงต้องมีการพิจารณาหลายด้าน ดังนั้น กลุ่มเซ็นทรัลจึงจะเน้นการร่วมลงทุนมากกว่าการลงทุนเองทั้ง 100% แต่อาจจะเน้นไปที่การรับเป็นผู้บริหารโรงแรมเพราะให้อัตรากำไรสุทธิราว 60-70%
"การรับบริหารจัดการโรงแรมก็จะเป็นชื่อใน chain ในเครือเซ็นทรัลทั้งหมด ยิ่งรับบริหารได้เยอะๆต้นทุนจะต่ำ และการขยายงานสิ่งสำคัญคือการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับทั้งและในต่างประเทศ และจะเป็นผลดีการระดมทุนที่จะได้ต้นทุนที่ต่ำด้วย" นายรณชิต กล่าว
นายรณชิต กล่าวอีกว่า บริษัทยังสนใจเปิดโรงเรียนเพื่อผลิตบุคลากรด้านการโรงแรม เนื่องจากกลุ่มเซ็นทรัลเห็นว่าปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมจำนวนมาก ดังนั้น จึงควรมีการเปิดโรงเรียนเพื่อผลิตบุคลากรรองรับไว้ด้วย โดยขณะนี้มีพันธมิตรจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์แสดงความสนใจ
ขณะที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลมีแนวคิดว่าอาจจะดำเนินการในรูปแบบ"เซ็นทรัล อะคาเดมี่"เปิดเป็นโรงเรียนการโรงแรมและธุรกิจค้าปลีกด้วย แต่การดำเนินการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลามาก ดังนั้นระยะแรกอาจเปิดเป็นโรงเรียนการโรงแรมไปก่อน โดยทางบริษัทเป็นฝ่ายดำเนินการได้เอง ไม่จำเป็นต้องร่วมทุนหรือร่วมมือกับพันธมิตร
"ทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและเริ่มวางแผนเท่านั้น แต่คาดว่าหลังเปิด AEC อาจจะต้องจัดตั้งให้สำเร็จเพื่อการผลิตบุคลากรในธุรกิจโรงแรมรองรับการเติบโตและความต้องการของตลาด"นายณรชิต กล่าว
บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลรับบริหารศูนย์การประชุม จ.เชียงใหม่ เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์และมีความเข้าใจในธุรกิจการประชุมระดับนานาชาติ(MICE)การรับจัดการประชุมได้ดี จากที่เคยทำงานที่ลาดพร้าว เซ็นทรัลเวิลด์ และการรับบริหารศูนย์ราชการกรุงเทพฯ ถ.แจ้งวัฒนะ
สำหรับธุรกิจอาหาร บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มแบรนด์ร้านอาหารใหม่อย่างน้อยปีละ 1 แบรนด์ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 12 แบรนด์ โดยปีนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อแบรนด์ต่างประเทศ 2 แบรนด์ ซึ่งอยู่ใน line ธุรกิจ Heavy food คาดว่าจะมีข้อสรุปในปีนี้อย่างน้อย 1 แบรนด์ และตั้งเป้าในปี 58 จะมีแบรนด์ต่างประเทศในมือ 15 แบรนด์ มีจำนวนสาขาร้านอาหารเพิ่มเป็น 803 สาขา จาก 217 สาขา