หุ้น BTS ราคาวิ่งขึ้น 3.90% มาอยู่ที่ 0.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าซื้อขาย 202.29 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.17 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.77 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.77 บาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) ยังเห็นว่า BTS เป็นหุ้นเติบโตสูง จากธุรกิจที่สดใสคือ รถไฟฟ้า, โฆษณา และบริหารการเดินรถ catalyst ในอนาคตคือ การเพิ่มขบวน/ตู้รถไฟฟ้า, การเปิดเส้นทางส่วนขยายต่อจากวงเวียนใหญ่อีก 4 สถานี และการปรับขึ้นค่าโดยสาร หลังจากได้รับอนุมัติจาก กทม.แล้ว
ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงมาก่อนหน้าและขณะนี้อยู่ในลักษณะทรงตัว หลังจากมีข่าวเรื่องการต่ออายุสัมปทานยาวนานกับหน่วยงานของ กทม.อาจเป็นโมฆะ แต่คาดว่าเรื่องนี้จะยืดเยื้อยาวนานเพราะต้องจบลงที่ศาล ผลคัดสินของดีเอสไอ หรือ ปปช. เป็นเพียง noise ที่เข้ามารบกวนเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำได้คือ การประเมินมูลค่าหุ้นเฉพาะสัมปทานในปัจจุบัน ซึ่งประเมินได้ที่ 0.89 บาท ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่มเทียบกับราคาพื้นฐานได้อีก 15%
สำหรับกรณีที่แหล่งข่าวกรมธนารักษ์เจรจาบีทีเอสลงตัว จ่ายเงินค่าชดเชย 1.1 พันล้านบาท บวกอีก 20% ให้บีทีเอสภายในเดือน ต.ค.นี้ ที่เลื่อนชำระมาจากต้นปี โดยบีทีเอสจะยอมไม่คิดดอกเบี้ย จนถึงเดือน ต.ค.นี้ แต่ในส่วนของภาระภาษีที่บริษัทจ่ายไปก่อนหน้านี้ธนารักษ์จะต้องจ่ายในอัตรา 20%
ทั้งนี้ มองว่าเรื่องได้รับเงินชำระช้าไปเป็น ต.ค.55 และไม่คิดดอกเบี้ยเป็นที่รับรู้กันในตลาดฯอยู่แล้ว ประเด็นใหม่คือการที่ BTS จะได้รับเงินอีก 20% ค่าภาษีที่จ่ายไปก่อนหน้าเป็นข่าวใหม่ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากบริษัทว่าเป็นความจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้เป็นจริงก็จะเป็นข่าวดี ซึ่งเข้าใจว่าภาษีเงินได้ที่ BTS ต้องออกไปก่อนเกิดขึ้นเพราะบริษัทไปบันทึกเป็นรายได้พิเศษตั้งแต่ 2Q54-55 (สิ้นสุด ก.ย.54) ดังนั้นหากจะคำนวณค่าภาษีในอัตรา 20% ในงวดปี 54-55 จะได้รับเงิน 220 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 14% จากประมาณการกำไรปี 55-56 เนื่องจากรายการนี้เป็นเงินสดจึงควรทำให้มูลค่าหุ้นบริษัทเพิ่ม แต่เมื่อใส่ปัจจัยนี้ในการประเมินมูลค่าหุ้น กลับพบว่ามูลค่าที่เหมาะสมเปลี่ยนแปลงเพิ่มเล็กน้อยมาก เพราะอายุสัมปทานที่เหลืออีก 17 ปี และบริษัทมีจำนวนหุ้นสามัญเป็นจำนวนมาก