บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) ตั้งเป้าปี 56 ทำรายได้ 1.95 หมื่นล้านบาท และมียอดขายราว 2.02 หมื่นล้านบาท จากนั้นในปี 57 รายได้จะเพิ่มขึ้นเป็นสูงกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่มียอดขายราว 2.16 หมื่นล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทมีที่ดินในมือที่รอการพัฒนาเป็นจำนวนมาก เช่น ที่ดินย่านแจ้งวัฒนะกว่า 700 ไร่ และที่ดินย่านสุขุมวิท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเพียงพอรองรับการพัฒนาไปอีก 7-8 ปี
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) กล่าวว่า ปี 56 บริษัทตั้งเป้ารายได้เพิ่มเป็น 19,500 ล้านบาท และปี 57 เป็น 22,398 ล้านบาท จากปีนี้คาดรายได้ 12,600 ล้านบาท ในส่วนของยอดขายปี 56 ตั้งเป้า 20,200 ล้านบาท ปี 57 ที่ 21,613 ล้านบาท ขณะปีนี้ตั้งเป้า 16,000 ล้านบาท
ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิปี 55 คาดว่าจะอยู่ที่ 10-12% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 8% ทำให้คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 448 ล้านบาท
"ปีนี้จะเป็นปีที่รับรู้สิ่งที่ทำไปเมื่อ 2 ปีก่อน จะเห็นผลในปีนี้ Profit Margin จากนี้ไปจะสูงขึ้นเรื่อยๆ"นายชายนิด กล่าว
สำหรับรายได้ในครึ่งปีแรกคาดว่าจะอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท หรือ 30% ของเป้ารายได้ทั้งปี โดยไตรมาส 1/55 ทำรายได้แล้ว 1,800 ล้านบาท ไตรมาส 2/55 คาดจะมีรายได้ 2.2-2.4 พันล้านบาท ขณะที่ยอดขายครึ่งแรกคาดไว้ที่ 8,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 1.6 หมื่นล้านบาท
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นนับจากปีนี้ไปอีก 3 ปีบริษัทจะรักษาไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 35% ของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีที่ดินรอการพัฒนาหรือแลนด์แบงก์ที่มีต้นทุนต่ำ โดยที่ดินหลักๆมีอยู่ 2 แปลง ได้แก่ ที่แจ้งวัฒนะกว่า 700 ไร่ ซึ่งปัจจุบันมูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านบาท (ทั้งราคาประเมินใหม่ 1 ก.ค. และราคาจริง) และที่สุขุมวิทราว 25 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 แปลงเป็นที่ดินต้นทุนถูกมาก จึงมั่นใจจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในอนาคตไม่ให้ต่ำกว่า 35% ได้
ทั้งนี้ ที่ดินที่แจ้งวัฒนะในไตรมาส 2/55 นี้ได้แบ่งขายให้กับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเพิ่มอีก 100 กว่าล้านบาทจะบันทึกในไตรมาส 2/55 นี้ โดยรายได้จากการพัฒนาโครงการที่แจ้งวัฒนะจะเริ่มเข้ามาในปี 56 เป็นต้นไป ปีแรกราว 700-800 ล้านบาท จาก 2 โครงการคือเพอร์เฟคเพลสและมาสเตอร์พีคที่ลงทุนไปแล้ว และหลังจากนั้นก็จะทยอยพัฒนาโครงการปีละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้อีก 7-8 ปีข้างหน้า ส่วนที่ดินที่สุขุมวิท 25 ไร่ จะพัฒนาโครงการใหม่มูลค่าปีละ 1 หมื่นล้านบาทเช่นกัน
อนึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทมีแลนด์แบงก์รวม 2,786 ไร่ สามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัท 87,000 ล้านบาท ภายใน 4 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/55 จะเห็นความชัดเจนของแผนพัฒนาโครงการคอมมูนิติมอลล์ ที่มีทำเลอยู่ 3 แห่ง รัชดาฯ กัลปพฤกษ์ และ สาทร ซึ่งยังไม่สรุปว่าจะใช้ทำเลใด โดยเบื้องต้นคาดว่าแต่ละโครงการจะมีพื้นที่ราว 1 แสนตร.ม. และอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรต่างประเทศระดับเอเชีย เช่น สิงคโปร์และญี่ปุ่นเข้ามาร่วมถือหุ้น เพราะบริษัทไม่มีความถนัดในธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ได้ในปี 56
"การทำคอมมูนิตี้มอลล์เพื่อรองรับ AEC ในอนาคตที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยอะขึ้น และกระจายรายได้ไม่เฉพาะจากการขายบ้านอย่างเดียว อีกทั้งในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเกิดขึ้นตามที่รัฐบาลประกาศไว้ การทำคอมมูนิตี้มอลล์รองรับได้ดี ขณะที่สร้างรายได้ในลักษณะค่าเช่าในอนาคตอาจเอาเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็จะเกิดรายได้เร็ว ลดหนี้ได้เร็วเก็บไว้ในระยะยาวก็สร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก" นายชายนิด กล่าว
อีกทั้งในไตรมาส 3-4/55 คาดจะเห็นการจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ 1 กอง มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท โดยจะนำหอพักมหาวิทยาลัย ภายใต้แบรนด์ยูนิลอฟท์ที่ จ.เชียงใหม่ และ ใกล้ม.มหิดล ศาลายา ขายเป็นสินทรัพย์ของกองทุนดังกล่าว
และ ในเดือน ส.ค.นี้ บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ วงเงิน 3,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี จากที่ขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นไว้ 4,000 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม
ทั้งนี้ หลังจากที่ผู้ถือหุ้นใส่เงินเพิ่มทุน 800 ล้านบาท ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ รวมกับส่วนทุนของบริษัทที่ปัจจุบันมี 7,500 ล้านบาท รวมกำไรในปีนี้จะทำให้สิ้นปี 55 ส่วนทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 9,000 กว่าล้านบาท