นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปี 55 ว่าน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย โดยคาดว่า EBITDA จะอยู่ที่ 7 พันล้านบาท ซึ่งไม่รวม Stock loss แม้ราคาน้ำมันมีโอกาสจะปรับลดลงอยู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ไม่น่าจะมีผลต่อ EBITDA โดยคาดว่าช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ค่าการกลั่นจะอยู่ที่ 6-7 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ปี 56 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้า EBITDA เพิ่มเป็น 8 พันล้านบาท โดยไม่รวม Stock loss ซึ่งปีหน้าโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ จะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงหรือหยุดเดินเครื่อง จึงจะทำให้การกลั่นอยู่ที่ 1.1 แสนบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ปีหน้าจะเป็นปีที่บริษัทฯ มีรายได้จากโรงไฟฟ้าราว 1.5 พันล้านบาท ขณะที่โรงงานไบโอดีเซลจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตที่ 3.6 แสนลิตร/วัน
"ปีหน้า แม้เศรษฐกิจยังมีแรงกดดันที่ทำให้ราคาน้ำมันอาจไม่สูงมาก ปริมาณการใช้น้ำมันอาจไม่เยอะ แต่ปีหน้าน่าจะเป็นปีที่เราทำได้ดีๆ หลายอย่าง" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงการเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ในอิหร่าน บริษัทฯ ได้เพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันจาก 36 วันเป็น 43 วัน ซึ่งถือว่าเต็มที่แล้ว เพราะการเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันทำให้บริษัทฯ มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก โดยมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น 5-6 สตางค์/ลิตร จากปริมาณสำรองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 2.8 แสนบาร์เรล ดังนั้นการที่รัฐบาลต้องการให้ผู้ค้าน้ำมันสำรองน้ำมันเพิ่มเป็น 90 วัน อันจะทำให้บริษัทมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมากนั้น ก็จะต้องหารือร่วมกันว่าใครจะเป็นผู้ลงทุนในส่วนนี้ เพราะหากผู้ค้าน้ำมันต้องใช้เงินลงทุนสูง สุดท้ายแล้วภาระอาจจะตกอยู่ที่ประชาชน
"เรื่องน้ำมันขาดแคลนคงไม่ใช่ปัญหา ขอให้มีเงิน กรณีฉุกเฉินเราจัดหาน้ำมันได้ไม่ยาก แต่การเก็บน้ำมันไว้เพิ่มขึ้นเป็นภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งหากรัฐบาลต้องการให้เพิ่มปริมาณสำรองเป็น 90 วัน คงต้องหารือกัน" นายอนุสรณ์ กล่าว