บลจ.กสิกรฯออก 4 กองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุ ผลตอบแทน 2.7-3.45%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 19, 2012 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการจำนวน 4 กองทุน โดยวันที่ 18-25 มิ.ย.55 จะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน เอพี (KPPTF3MAP) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ประมาณการอัตราผลตอบแทน 2.70% ต่อปี และในวันที่ 20-25 มิ.ย.55 จะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอีก 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน บีบี (KFI3MBB) กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ที (KFF6MT) และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 9 เดือน เอ (KFF9MA) โอกาสรับผลตอบแทน 3.00% ต่อปี, 3.25% ต่อปี และ 3.45% ต่อปีตามลำดับ

สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน บีบี เน้นลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A. ประเทศบราซิล เงินฝาก Standard Chartered, สาขาฮ่องกง และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ และพันธบัตรรัฐบาลไทย

ด้านกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ที (KFF6MT) ลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ตราสารหนี้ Banco Bradesco และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A. ประเทศบราซิล เงินฝาก Standard Chartered, สาขาฮ่องกง และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์

ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 9 เดือน เอ (KFF9MA) จะลงทุนในตราสารหนี้ Banco Bradesco, ตราสารหนี้ Banco Itau BBA S.A.,และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A. ประเทศบราซิล ร่วมด้วยเงินฝาก Standard Chartered, สาขาฮ่องกง และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ โดยทั้ง 3 กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อกองทุนดังกล่าวได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

นายประเสริฐ กล่าวว่า สถานการณ์การลงทุนโลกยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้สถานการณ์การเลือกตั้งในกรีซจะมีความคืบหน้าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการที่พรรคประชาธิปไตยใหม่(New Democracy) ซึ่งสนับสนุนนโยบายรัดเข็มขัด สามารถชนะการเลือกตั้งและคาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 3 ได้ในอีกไม่ช้า ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่ากรีซจะยังคงอยู่ในยูโรโซนต่อไป

ภาพรวม บลจ. กสิกรไทย มองว่า ปัญหาหนี้ยุโรปจะยังยืดเยื้อต่อไป และจะยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อไปอีกเพราะกรีซยังต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาลผสมและเข้าเจรจากับกลุ่มอียูเพื่อต่อรองในเงื่อนไขต่างๆ ของมาตรการรัดเข็มขัด นอกจากนั้นยุโรปยังมีปัญหาเงินกองทุนที่เกิดกับธนาคารในสเปน และปัญหาหนี้ในอิตาลีที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของทั้ง 2 ประเทศปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ เครื่องมือช่วยเหลือทางการเงินที่ยุโรปจัดตั้งขึ้นทั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป(EFSF)และกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งมีเม็ดเงินรวมกันกว่า 5.5 แสนล้านยูโรนั้น ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 2.6 แสนล้านยูโรหลังจากใช้อัดฉีดช่วยเหลือไอร์แลนด์ โปรตุเกสและกรีซ ซึ่งไม่เพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาและต้องเร่งระดมเงินทุนเพิ่มเติมโดยจัดตั้งโครงการช่วยเหลืออย่างถาวรต่อไป จึงเชื่อได้ว่าวิกฤติหนี้ยุโรปจะต้องใช้เวลาอีกมากพอสมควรสำหรับการเยียวยา และจะยังคงส่งผลให้ตลาดผันผวนเป็นระยะๆจากความกังวลสลับกับความคาดหวังของนักลงทุนที่จะมีต่อกลุ่มอียูเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ทีมจัดการกองทุนยังดำเนินนโยบายการลงทุนแบบระมัดระวัง แม้จะมีมุมมองที่เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทยโดยยังคงประมาณการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นปีอยู่ที่ 1250-1300 จุดแต่เพราะปัจจัยความเสี่ยงจากภายนอกประเทศที่มีอยู่ในระดับสูง เราจึงยังเน้นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่ม Defensive และกลุ่มที่พึ่งพาการเติบโตในประเทศ เช่น กลุ่มธนาคารและโทรคมนาคม เป็นต้น

สำหรับคำแนะนำต่อผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงอาจทยอยเข้าลงทุนในหุ้นไทยเมื่อตลาดปรับตัวลง แต่ควรชะลอการลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือกองทุนรวมน้ำมันในระยะสั้นออกไปก่อน โดยควรรอให้วิกฤติในยุโรปมีการแก้ไขปัญหาที่คืบหน้าอย่างชัดเจน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ