นายประชิตพล หิมะทองคำ ผู้บริหารฝ่ายวานิชธนกิจ บล.กสิกรไทย กล่าววา หุ้น บมจ.ศรีราชา คอนสตรัคชั่น(SRICHA)คาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ได้ใน 2 ก.ค.55 โดยเย็นวันนี้จะประกาศราคาจองซื้อหุ้น IPO จากช่วงราคา 14.40-15.00 บาท/หุ้น และเสนอขายในวันที่ 22,25-26 มิ.ย 55 และจากที่สำรวจนักลงทุนสถาบันในประเทศแล้วปรากฎว่ามีความต้องการซื้อหุ้นเกิน 5 เท่า
"หุ้นศรีราชาฯ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะบริษัทมีพื้นฐานดี และเน้นรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง เป็นงานต่างประเทศ 70% และยังมีศักยภาพโอกาสเติบโตอีกมาก แม้ว่าปัจจัยภายนอกจากวิกฤตยุโรป เพราะไม่ได้รับงานที่ยุโรป"นายประชิตพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 78.25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อลงทุนเครื่องจักร และสร้างโรงงานที่จะทำชิ้นส่วนประกอบ(MODUL) เพื่อไปรับงานต่างประเทศ
ด้านนายกฤษดา โพธิสมภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ SRICHA กล่าวว่า ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เพิ่มเป็น 4-5 พันล้านบาทจากปี 54 รายได้อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)จำนวน 860 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งหมด แต่จากนี้ไป บริษัทจะพยายามหางานใหม่เพิ่มเพื่อให้มี Backlog ปีละประมาณ 1.5 พันล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ปี 55 เป็นรายได้ต่างประเทศกว่า 70% และในประเทศกว่า 20%
ทั้งนี้ งานในมือปัจจุบันเป็นงานจากมาดากัสกากว่า 600 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/55 ส่วนที่เหลือเป็นงานในประเทศรวมทั้งงานรับจ้างผลิตชิ้นงานส่งไปต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าอัตราขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 50% และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 30-35% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทรับงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนักที่ต้องมีความเชียวชาญเป็นพิเศษและในตลาดมีคู่แข่งน้อยจึงสามารถทำอัตรากำไรได้สูง โดยในไตรมาส 1/55 มีอัตรากำไรขั้นต้น 69% ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 57%
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/55 คาดว่าจะยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิได้ใกล้เคียงในไตรมาส 1/55 เนื่องจากไตรมาสแรกของปีบริษัทได้ลดประมาณการความเสี่ยงลงเพราะเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของงานมาดากัสกา ซึ่งไตรมาส 2/55 ก็อยู่ในช่วงท้ายของงานเช่นกัน และงานส่วนเพิ่มเติมในมาดากัสกาที่ความเสี่ยงหมดไปแล้วทำให้มาร์จิ้นยังดี
"บริษัทจะเลือกรับงานต่างประเทศมากกว่าเพราะมีมาร์จิ้นสูงกว่า แต่ในไทยมีงานเยอะก็จริงแต่มาร์จิ้นเป็นรอง"นายกฤษดา กล่าว
นายกฤษดา กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจางานทั้งในและต่างประเทศ มูลค่ารวมประมาณ 4.9 พันล้านบาท คาดว่าจะได้รับงาน 50% ของงานที่เจรจาอยู่ ส่วนในอนาคตการรับงานต่างประเทศจะเน้นไปลูกค้าแถบอเมริกาใต้ ซึ่งขณะนี้มีติดต่อเข้ามาหลายราย เนื่องจากประเทศแถบมีสัมปทานอยู่มาก รวมทั้งออสเตรเลีย ส่วนเอเชียจะไม่เน้นรับงาน
สำหรับโครงการนยิคมอุตสาหกรรและท่าเรือน้ำลึกทวายในพม่า บริษัทคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจึงจะมีโอกาสเข้าไปรับงานสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมทวาย