หุ้น SPCG ปรับขึ้น 3.75% หรือบวก 0.60 บาท มาที่ 16.60 บาท เมื่อเวลา 10.06 น. จากราคาเปิดตลาด 16.30 น. และขึ้นไปสูงสุดที่ 16.80 บาท สวนทางภาวะตลาดโดยรวมที่ดัชนี SET ปรับตัวลดลง
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดว่ากำไรของ บมจ.เอสพีซีจี(SPCG)ไตรมาส 2/55 จะไต่ระดับขึ้น qoq ต่อเนื่องทุกไตรมาสไปจนถึง ไตรมาส 4/56 จากการเริ่มรับรู้รายได้ขายไฟเพิ่มเติมอีก 2 แห่งในไตรมาส 2/55 เป็น 9 โครงการ และเพิ่มขึ้นอีก 7 โครงการเป็น 16 โครงการในไตรมาส 3/55 และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2556 ที่รับรู้รายได้เพิ่มเติมอีกถึง 18 โครงการ รวมเป็น 34 โครงการ
และส่งผลให้กำไรปกติปี 55 จะเพิ่มขึ้นเป็น 302 ล้านบาท จากฐานที่ต่ำเพียง 9 ล้านบาทในปี 2554 และเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2556 เพิ่มขึ้น +444% yoy เป็น 1,644 ล้านบาท หรือเทียบเท่า PER 2556 เพียง 6.8 เท่า
กรณี Worst Case Scenario หาก ไม่สามารถเดินหน้าโครงการโซลาฟาร์มโครงการที่ 17-34 ได้(ซึ่งเราประเมินว่ามีความเป็นไปได้น้อย)จะได้ราคาเหมาะสมที่ 17.15 บาท มี upside 7.2% และในทางกลับกัน ในกรณี Best Case Scenario คือสามารถจัดตั้ง Infrastructure fund จะได้ราคาเหมาะสมที่ 31.30 บาท มี upside สูงถึง 1 เท่าตัวเทียบกับราคาปิดวานนี้
ดังนั้น ประเมินว่าหุ้น SPCG มี Downside Risk ค่อนข้างจำกัด ขณะที่ Upside Gain ค่อนข้างมาก และมี Risk & Reward ที่น่าสนใจเพื่อเข้าลงทุน จึงเริ่มต้นคำแนะนำ“ซื้อ"ที่ราคาเหมาะสม 22.63 บาท (Sum of the parts) อิง Base Case Scenario โดยคาดว่า SPCG จะหาพันธมิตรร่วมทุนเพื่อขยายโรงไฟฟ้าโรงที่ 17-34 ในปี 56 ได้สำเร็จ