นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า สินเชื่อของธนาคารในปี 55 มีโอกาสสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 6-8% เห็นได้จากยอดปล่อยสินเชื่อช่วง 5 เดือนได้เกินกว่า 50% ของเป้าหมายแล้ว เป็นการขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามไม่ต้องการให้สินเชื่อขยายตัวเกินกว่าเป้า 6-8% เพื่อให้การขยายตัวสินเชื่อควรสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยความต้องการสินเชื่อมาจากทุกภาคส่วน
ส่วนการที่ธนาคารในประเทศยุโรป 15 แห่ง ถูกสถาบันจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือมูดี้ส์อินเวสเตอร์เซอร์วิสปรับลดเครดิต ไม่น่ามีผลกระทบต่อไทยมากนัก แต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการทำธุรกรรมร่วมกัน และแม้ธนาคาร 15 แห่งถูกลดเครดิต แต่โดยรวมถือว่าระดับเครดิตยังสูง ดังนั้นมูดีส์ปรับลดเครดิตครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ
นอกจากนี้ผลกระทบจากวิกฤติหนี้สินยุโรป ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไทย เพราะไทยมีภูมิคุ้มกันที่ดี ทั้งการมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง มีสภาพคล่องในระบบสูง รัฐบาลขาดดุลงบประมาณไม่มาก ขณะที่ภาคเอกชนไทยมีความแข็งแกร่งสามารถปรับตัวรองรับได้
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ปัญหายุโรปจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย ที่จะส่งออกยากขึ้นดังนั้นภาคเอกชนไทยต้องปรับตัวรองรับจากวิกฤติยุโรป ให้มีการส่งออกไปแถบอาเซียนมากขึ้น
"ตอนนี้เศรษฐกิจไทยเพิ่งฟื้นจากน้ำท่วม ผลผลิตยังไม่กลับมาเป็นปกติ มองว่าน่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 3 เมื่อถึงเวลานั้นจะถูกผลกระทบจากยุโรปมากน้อยแค่ไหนต้องติดตามเพราะตลาดโลกโตช้าลง ส่วนเศรษฐกิจไตรมาส 4 ไม่น่าห่วงเพราะฐานปีก่อนต่ำจากน้ำท่วม...การส่งออกจะโตไปทางยุโรปคงจะโตยาก แต่ยุโรปไม่ใช่ทุกประเทศที่มีปัญหา อย่างเยอรมันยังขยายตัวดีอยู่ แต่มองโดยรวมแล้วปัญหาคงไม่ได้ยุติง่ายเพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ประเด็นสำคัญคือไทยต้องสร้างภูมิคุ้มกัน หลักคือ ต้องใช้ภูมิคุ้มกันอย่างระมัดระวัง คุณภาพ และให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ว่าใช้ไปแล้วเกิดคอรัปชั่น หรือไม่คุ้มค่า ก็จะเปิดปัญหาต่อภูมิคุ้มกันของเรา" นายโฆสิต กล่าว
สำหรับลูกค้าของธนาคารที่มีการทำธุรกรรมกับประเทศในแถบยุโรป ขณะนี้ยังไม่มีการขอรับความช่วยเหลือจากธนาคารแต่อย่างใด