ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวสูงขึ้นหลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นานในวันนี้ โดยมีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวก แม้มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารรายใหญ่ 15 แห่งก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 53 จุด แตะที่ 12,626 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 4 จุด แตะที่ 1,330 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 9 จุด แตะที่ 2,867 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นโดยมีหุ้นเจพี มอร์แกน และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาเป็นแกนนำตลาดปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่ามูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารรายใหญ่ 15 แห่งทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้มีธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ 5 แห่งที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 1 ขั้น ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์, ซิตี้กรุ๊ป, โกลด์ แมนแซคส์ และเจพีมอร์แกน ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 2 ขั้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวาน ภายหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง รวมถึงรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียที่ระบุว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจร่วงลงอย่างหนักในเดือนมิ.ย. และยอดขายบ้านมือสองที่หดตัวลงในเดือนพ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
เบเนดิค วิลลิส กรรมการผู้จัดการของบริษัท อัลเบิร์ต เฟรนด์ แอนด์ คอมพานี กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อวานนี้ ส่วนหนึ่งมาจากรายงานของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียที่ระบุว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจร่วงลงอย่างหนักมาอยู่ที่ระดับ -16.6 จุด ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกำลังส่งผลต่อกิจกรรมการผลิตในภูมิภาค การร่วงลงดังกล่าวสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าดัชนีเดือนมิ.ย.จะดีดขึ้นแตะระดับ 0.0 จากระดับ -5.8 ในเดือนพ.ค. โดยระดับ 0 ถือเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและการหดตัว