นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากแผนการสั่งซื้อเครื่องจักรจะเริ่มทยอยนำเข้ามาในไตรมาส 2 -3 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 จากการส่งมอบงานที่เป็นคำสั่งซื้อที่มีอยู่ในมือ (Back Order) ทั้งในส่วนของบรรจุภัณฑ์นม และชิ้นส่วนยานยนต์
"จากยอดออร์เดอร์ที่มีอยู่ในมือตอนนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่ารายได้ของ PJW ปี 55 จะเป็นไปตามเป้าหมายคือโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1,640 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน แถมยังมีลุ้นว่ารายได้อาจจะเติบโตได้มากกว่านั้น หลังจากที่บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตและซื้อเครื่องจักรเพิ่มขึ้น หากการนำเข้าและการติดตั้งเครื่องจักร สามารถดำเนินการได้ตามแผนโดยไม่ล่าช้า แต่ตอนนี้ก็ขอคงเป้าหมายที่ระดับเดิมเอาไว้ก่อน" นายวิวรรธน์กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา PJW สามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโรงงานที่จังหวัดชลบุรีเริ่มผลิตและมีรายได้เข้ามาแล้ว ประกอบกับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารและอุตสาหกรรมยานยนต์ กลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ในช่วงไตรมาสที่ 2-ของปีนี้ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อ มีเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
ส่วนความคืบหน้า การเจรจาหาลูกค้ารายใหม่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยคาดว่าจะมีการทำสัญญาสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์จาก PJW ในปีหน้า ซึ่งฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ได้เร่งติดตามและปฎิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ของประเทศจีนอย่างเคร่งครัด
ในส่วนของโครงการขยายกำลังการผลิตที่จังหวัดชลบุรี นายวิวรรธน์ กล่าวว่า จะเริ่มรับรู้รายได้เฟสแรก ในช่วงไตรมาสที่ 1-3 ของปีนี้ และรับรู้เต็มกำลังการผลิตในกลางปี 56 ซึ่งจะสามารถรองรับยอดขายที่จะเติบโต 20-25% ในแต่ละปี ส่วนเฟสที่ 2 จะเริ่มก่อสร้างอาคารในไตรมาส 3 ปี 55 จะรองรับการขยายตัวยอดขายที่โตเพิ่มขึ้นในปี 2556-2559 โดยคาดการณ์ว่ายอดขายบนกำลังการผลิตที่มีอยู่ทั้ง 3 สาขาในประเทศไทยรวมการลงทุนใหม่สาขาชลบุรีทั้ง 2 เฟสในโครงการดังกล่าว อยู่ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท ในปี 2559-2560
สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในทวีปยุโรป นายวิวรรธน์ กล่าวว่า ส่งผลกระทบต่อ PJW น้อยมาก เนื่องจากการผลิตของบริษัทฯ เพื่อใช้ในประเทศเป็นหลัก และหากมีการส่งออกทางอ้อมก็เป็นการส่งออกในกลุ่มประเทศแถบเอเชียมากกว่าแถบยุโรป