นายทัศพล แบเลเว็ลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เปิดเผยว่า ทางสายการบินไทยแอร์เอเชีย เตรียมย้ายสายการบินทุกเที่ยวบินทั้งเส้นทางในประเทศ และระหว่างประเทศ กลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป โดยใช้ชื่อไฟล์ FD และกำหนดเวลาทุกเที่ยวบินเหมือนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"การตัดสินย้ายกลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองในครั้งนี้ บริษัทได้มีการพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว และเห็นถึงความพร้อมของท่าอากาศยานดอนเมือง รวมทั้งมาตรการดูแลของ ทอท.ที่ทำให้สายการบินสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย" นายทัศพล กล่าว
นายทัศพล กล่าวว่า การย้ายฐานการบินกลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองในครั้งนี้คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งหมด 60-80 ล้านบาท โดยจะช่วยบริษัทประหยัดต้นทุนน้ำมันได้ถึงเดือนละ 5% และจะส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทในภาพรวมเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุเป็นจำนวนเงินได้ แต่จะไม่ส่งผลต่อรายได้ในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 55 เติบโตที่ระดับ 20-25%
พร้อมตั้งเป้า อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) สำหรับเส้นทางในประเทศ 82-84% และเส้นทางระหว่างประเทศ ที่ 78-80%
ขณะที่แนวโน้มรายได้ในปี 56 คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากจะมีจำนวนเครื่องบินให้บริการเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 24 ลำ และจะเพิ่มเป็น 27 ลำในสิ้นปีนี้ และภายในปี 59 จะมีฝูงบินให้บริการครบ 48 ลำตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้ ขณะที่จำนวนผู้โดยสารในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 8 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 16 ล้านคนในปี 59
"ที่เราย้ายมา เหตุผลหลักเพราะความแออัดของสุวรรณภูมิ ซึ่งกว่าจะเปิดเฟส 2 ได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน ท่าอากาศยานดอนเมืองจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างเต็มที่ไม่แออัด ประกอบกับมีทำเลที่ตั้งเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางที่เหมาะสม โดยเฉพาะในอนาคตเมื่อเรารับเครื่องแอร์บัส A320ใหม่เข้ามาประจำการฝูงบินจนครบ 48 ลำภายในปี 59 ท่าอากาศยานดอนเมืองก็จะสามารถรองรับการเติบโตได้อย่างแน่นอน"นายทัศพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจำนวนผู้โดยสารจะลดลงในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังย้ายฐานการบินโดยเฉพาะผู้โดยสารต่างประเทศ แต่ภาพรวมทั้งปีจำนวนผู้โดยสารจะยังคงเติบโตตามเป้าหมาย