ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในสัปดาห์นี้จะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ หลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ปฏิเสธการออกพันธบัตรหรือตั๋วเงินคลังร่วมกันในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.5% มาอยู่ที่ระดับ 242.82 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3021.64 จุด ลบ 69.26 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6132.39 จุด ลบ 130.86 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอนปิดที่ 5450.65 จุด ลบ 63.04 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงก่อนที่ผู้นำจะประชุมร่วมกันที่กรุงบรัสเซลส์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากนางแมร์เคิลปฏิเสธการออกพันธบัตรหรือตั๋วเงินคลังร่วมกันในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ซึ่งจุดปะทุความวิตกกังวลที่มีอยู่แล้วในหมู่นักลงทุนให้เพิ่มยิ่งขึ้นไปอีกว่า การประชุมอียู ซัมมิท วันที่ 28-29 มิ.ย.นี้อาจคว้าน้ำเหลวในการหาวิธีควบคุมและคลี่คลายวิกฤตการเงินในภูมิภาค
จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังได้ออกมาเตือนว่า หากผู้นำอียูไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมสัปดาห์นี้ ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อยูโรโซน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากที่สเปนได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเป็นทางการจากประเทศพันธมิตรในยูโรโซนแล้ว เพื่อช่วยเหลือภาคธนาคารที่ประสบปัญหาภายในประเทศ โดยสเปนระบุว่า ธนาคารในประเทศต้องการเงินช่วยเหลือถึง 6.2 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อรับมือกับวิกฤตการเงิน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลข 1 แสนล้านยูโรที่ยูโรกรุ๊ปเสนอ
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปปรับตัวลดลง โดยหุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี ร่วงลง 8.4% หุ้นอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 6.5% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ดิ่งลง 5.5% หุ้นดอยช์แบงก์ ร่วงลง 4.1% หุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ร่วงลง 14% หุ้นอัลฟาแบงก์ ร่วงลง 18% และหุ้นอีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซีย ทรุดฮวบลง 16%
หุ้นโนเกียร่วงลง 11% ส่วนหุ้นเอสเอ็มบีมิลเลอร์ ร่วงลง 1.7%
นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมสุดยอดของบรรดาผู้นำอียูที่จะจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ในระหว่างวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือในประเด็นกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) หรือกองทุนช่วยเหลือถาวรที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค. 2555 แทนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือชั่วคราวของภูมิภาคที่จะสิ้นอายุลงในกลางปีนี้ โดยตลาดคาดหวังให้มีการพิจารณาทบทวนถึงบทบาทหน้าที่ของ ESM ให้สามารถเพิ่มทุนโดยตรงแก่ภาคธนาคารที่ประสบปัญหา แทนการปล่อยกู้แก่รัฐบาลประเทศต่างๆ