ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลจีนจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.4% ปิดที่ 245.87 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3063.12 จุด บวก 50.41 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6228.99 จุด บวก 92.30 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอนปิดที่ 5523.92 จุด บวก 76.96 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัว 1.1% ในเดือนพ.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ในภาคขนส่งที่ขยายตัว 2.7% เพราะยอดจองเครื่องบินและยอดสั่งซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 5.9% สู่ระดับ 101.1 ซึ่งเท่ากับระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ทำไว้เมื่อเดือนมี.ค. และถือว่าขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2554
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลในตลาดหุ้นยุโรป หลังจากที่ตลาดอ่อนแรงลงในช่วงแรก ภายหลังจากที่นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า เธอไม่เห็นด้วยกับการออกพันธบัตรหรือตั๋วเงินคลังร่วมกันในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร (ยูโรบอนด์) พร้อมกับเตือนว่ายุโรปไม่ควรหวังว่าจะมีวิธีที่รวดเร็วหรือง่ายดายในการแก้ปัญหาหนี้ในภูมิภาค
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์รายงานว่า รัฐบาลจีนอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการลดเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นเกล็นคอร์ อ่อนแรงลง 1.5% ขณะที่หุ้นเอ็กสตราต้าดีดตัวขึ้น 1.4%