ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 92.34 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 28, 2012 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดขายบ้าน อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 92.34 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 12,627.01 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.86 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 1,331.85 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 21.26 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 2,875.32 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 5.9% สู่ระดับ 101.1 ซึ่งเท่ากับระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ทำไว้เมื่อเดือนมี.ค. และถือว่าขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2554

ข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยที่มีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ต่างออกมาในเชิงบวก ซึ่งเน้นย้ำถึงสถานการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มปรับตัวขาขึ้น โดยก่อนหน้านี้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เผยราคาบ้านเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ปรับตัวขึ้น 0.7% และ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.6% สู่ระดับ 369,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2554

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัว 1.1% ในเดือนพ.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ในภาคขนส่งที่ขยายตัว 2.7% เพราะยอดจองเครื่องบินและยอดสั่งซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า เธอไม่เห็นด้วยกับการออกพันธบัตรหรือตั๋วเงินคลังร่วมกันในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร (ยูโรบอนด์) พร้อมกับเตือนว่ายุโรปไม่ควรหวังว่าจะมีวิธีที่รวดเร็วหรือง่ายดายในการแก้ปัญหาหนี้ในภูมิภาค

อิตาลีระดมทุนจากการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนได้ 9 พันล้านยูโร โดยอัตราผลตอบแทนพุ่งแตะ 2.567% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ปลายปี 2554 เมื่อเทียบกับการประมูลครั้งก่อนที่ 2.104% ส่วนความต้องการซื้อสูงกว่าจำนวนที่เปิดประมูลอยู่ 1.62 เท่า เทียบกับการประมูลในเดือนก่อนที่ 1.61 เท่า

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล พุ่งขึ้น 1% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 3% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 2%

หุ้นบริสทอล-ไมเยอร์ส ควิปป์ พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 2.6% หุ้นดรีมเวิร์กส์ แอนนิเมชัน พุ่งขึ้น 5%

นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดของบรรดาผู้นำอียูที่จะจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ในระหว่างวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือในประเด็นกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) หรือกองทุนช่วยเหลือถาวรที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค. 2555 แทนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือชั่วคราวของภูมิภาคที่จะสิ้นอายุลงในกลางปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2555 และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ