ESSO บวก 1.51% อยู่ที่ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท เมื่อเวลา 10.03 น.โดยเปิดตลาดที่ 10.00 บาท สูงสุด 10.20 บาท ต่ำสุด 10.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 17.19 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอสโซ่(ประเทศไทย) (ESSO) มูลค่าปัจจัยพื้นฐาน 13.60 บาท ปัจจัยหลักต่อธุรกิจของ ESSO เป็นบวกมากขึ้น การที่ราคาน้ำมันดิบอยู่ใกล้ในระดับต่ำสุดแล้ว เช่นเดียวกับ GDP โลก ขณะที่ปัจจัยด้านค่าการกลั่นในเอเซียยังเป็นความเสี่ยง นอกจากนี้อีกปัจจัยสนับสนุนคือการที่ ESSO มีอัตราการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่นทำให้ได้เปรียบโรงกลั่นอื่นในด้าน Upside จากประเด็น M&A จากการที่ Exxon Mobil (ถือหุ้น ESSO 65.43%) ได้ขายหุ้นESSO มาเลเซียออกมาในปี 2554 และมีข่าวว่า TOP สนใจซื้อกิจการของ ESSO ซึ่งยังให้น้ำหนักเพียง 50% สำหรับโอกาสที่จะเกิดขึ้น และประเมินราคาเหมาะสมในกรณีนี้ที่ 16 บาท แต่หากการขายกิจการไม่เกิดขึ้นราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 11.10 บาท (DCF) ซึ่งยังสูงกว่าราคาหุ้น 11.6% ทั้งนี้ราคาหุ้น ESSO ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานในทั้ง 2 กรณี
คาด ESSO จะประกาศผลประกอบการ 2Q55 ขาดทุน 4.5 พันล้าน จากขาดทุนระดับสูงจากสต็อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตามหลังจากบริษัทมีการปิดปรับปรุงโรงงานสู่มาตรฐาน Euro IV ในช่วง 4Q54 อัตราการผลิตของ ESSO ในปี 2555 ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับ คาดว่าความต้องการจะโยกมาที่ ESSO Thailand หลัง ESSO Malaysia มีการปิดตัวไปทั้งนี้อัตราการผลิตของ ESSO ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเพิ่ม 4% จากเดิม มาอยู่ที่ 4 kilo barrel per day (kbd) แต่ยังเป็นระดับต่ำเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่น