สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส ได้ยื่น Filing version แรก ในวันที่ 28 มิถุนายน 2555 เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 120 ล้านหุ้น โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และบริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI)
บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส ดำเนินธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษา ซึ่งรับให้คำปรึกษาและบริหารจัดการโครงการก่อสร้าง(Project Construction Management Service) โดยมีบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท พีพีเอส ดีไซน จำกัด(PPSD) บริษัทถือหุ้น 99.99% และกิจการร่วมค้า พีพีคิว(PPQ) โดยเป็นการร่วมลงทุน 3 ฝ่าย ระหว่าง บริษัท และบริษัท พีทีเอฟ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท วิศวกรและสถาปนิก คิวบิค จำกัด สัดส่วนการร่วมลงทุน 80% 15% และ 5% ตามลำดับ
โครงการในอนาคต บริษัทมีแผนขยายธุรกิจในอนาคต นอกเหนือจากการขยายประเภทของโครงการให้ครอบคลุมทุกลักษณะโครงการก่อสร้าง อาทิ โครงการก่อสร้างอาคารที่มีเอกลักษณ์เชิงวิศวกรรมรูปแบบใหม่ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีการก่อสร้างเฉพาะ โครงการสาธารณูปโภคซึ่งเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐบาล เป็นต้น บริษัทยังมีแผนขยายขอบข่ายการให้บริการงานด้านวิศวกรรมเพิ่มเติม โดยเฉพาะงานบริการด้านวิศวกรรมต้นน้ำ และงานบริการด้านวิศวกรรมปลายน้ำ นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มบุคลากรด้านวิศวกรรมเพื่อรองรับการเติบโตของรายได้จากการเข้ารับเป็นที่ปรึกษางานก่อสร้างเพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังมีนโยบายพัฒนาบุคลากร
ผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการบริการ 66.59 ล้านบาท รายได้อื่น 0.79 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 22.03 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 33.08% ของรายได้รวมจากการบริการ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 14.20 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.45 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์รวม 135.48 ล้านบาท หนี้สินรวม 48.80 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 86.68 ล้านบาท
บริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 70 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 280 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้บริษัทฯจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 400 ล้านหุ้น
ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2555 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ คือ กลุ่มนายประสงค์ ธาราไชย ถือหุ้น 116,666,800 หุ้นหรือคิดเป็น 41.667% หลังขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 29.167% และกลุ่มนายสัมพันธ์ หงษ์จินตกุล ถือหุ้น 116,666,800 หุ้นหรือคิดเป็น 41.667% หลังขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 29.167% ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด