ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 277.83 จุดรับข่าว EU ออกแผนกู้วิกฤต

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday June 30, 2012 07:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) ขานรับข่าวที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติแผนการต่อต้านวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งรวมถึงการอนุมัติให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรปสามารถปล่อยเงินกู้โดยตรงให้กับภาคธนาคาร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 277.83 จุด หรือ 2.20% ปิดที่ 12,880.09 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 33.12 จุด หรือ 2.49% ปิดที่ 1,362.16 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 85.56 จุด หรือ 3% ปิดที่ 2,935.05 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมผู้นำอียูบรรลุข้อตกลงให้มีการนำเงินจากกองทุนฟื้นฟูถาวรของยุโรป เพื่อเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยูโรโซนที่ประสบปัญหา นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นพ้องในข้อตกลงเพื่อกระตุ้นการขยายตัวและการจ้างงานในยุโรป ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว โดยข้อตกลงดังกล่าวจะมีการจัดสรรเงิน 1.20 แสนล้านยูโร (ประมาณ 1.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การขยายตัวด้านการลงทุน และการจ้างงาน รวมถึงกระตุ้นความสามารถในการแข่งขันของยุโรปเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ รัฐสภาเยอรมนีมีมติอนุมัตมาตรการต่อต้านวิกฤตของสหภาพยุโรป (อียู) 2 ฉบับ ซึ่งได้แก่ มาตรการการคลังฉบับใหม่ที่ว่าด้วยการสร้างวินัยด้านงบประมาณ และมาตรการอัดฉีดเงินมูลค่า 2 แสนล้านยูโร หรือ 2.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าสู่กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)

ข้อตกลงด้านการคลัง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์การต่อต้านวิกฤตที่สำคัญนั้น ได้รับคะแนนเสียง 2 ใน 3 ในรัฐสภา หลังจากจากพรรคร่วมรัฐบาลของนางแมร์เคลสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับพรรคโซเชียล เดโมแครทส์ (SPD) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำข้อตกลงกันว่าจะใช้มาตรการจัดเก็บภาษีธุรกรรมการเงินในยุโรและออกมาตรการพิเศษเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวแข็งแกร่งมากขึ้น

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาณในด้านบวกจากที่ประชุมอียูช่วยหนุนราคาหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นทั้งกระดาน และยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและอิตาลีปรับตัวลดลงด้วย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ มีผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายในระดับหนึ่ง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 73.2 จุด จากระดับ 79.3 จุดในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะอยู่ที่ 74.1 จุด

ขณะที่การใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐลดลง 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือน้อยกว่า 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย. และอัตราการออมส่วนบุคคลของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะ 3.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่ขยายตัว 3.7% ในเดือนเม.ย. นับเป็นการบ่งชี้ว่าผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น

หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 4.8%

อย่างไรก็ตาม หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่น (RIM) บริษัทผู้ผลิตแบล็กเบอร์รี่ ดิ่งลง 19% หลังจาก RIM ประกาศเลื่อนการออกโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกไปก่อน อันเนื่องมาจากผลประกอบการไตรมาสแรกที่ย่ำแย่ จนทำให้ทางบริษัทต้องตัดสินใจปลดพนักงานจำนวน 5,000 คน

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ