ปธ.สภาธุรกิจตลาดทุนไทย มั่นใจดัชนี SET ไปถึง 1,300 แม้ปัญหายุโรปกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 2, 2012 14:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เชื่อว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปลายปีนี้น่าจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1,300 จุดได้ แม้จะถูกกดดันจากปัญหาหนี้สินในยุโรปที่ยังคงจะส่งผลไปอีก 2-3 ปี แต่ไม่น่ามีผลมาถึงเศรษฐกิจไทยมากนัก เพราะไทยส่งออกสินค้าไปยุโรปคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 10% เท่านั้น โดย 7% เป็นการส่งออกไปกลุ่มยูโรโซนโดยตรง และอีก 3% เป็นประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มยูโรโซน

“เศรษฐกิจไทยก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรป แต่คงไม่มากเพราะส่งออกไปยุโรปแค่ 10% เป็นกลุ่มอียู 17 ประเทศแค่ 7% แต่กำลังซื้อของประเทศในยูโรโซนปีนี้ก็ลดลงไปมากถึง 15.6%"นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นตลาดหุ้นหนึ่งในห้าของโลกที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด ประกอบกับเศรษฐกิจไทยก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และถ้าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้นอีกก็จะยิ่งส่งผลบวกต่อการลงทุน

ประเมินว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นในปีนี้มากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังสถานการณ์ในยุโรปเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังผลการประชุมอียูซัมมิคออกมาเป็นบวก ประกอบกับสภาพคล่องในตลาดทุนโลกก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ภาครัฐจึงควรใช้โอกาสในการระดมทุนผ่านตลาดทุนไทยเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพราะนอกจากจะได้เงินกู้ระยะยาวต้นทุนต่ำแล้ว การมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะช่วยลดต้นทุนของภาคเอกชน และเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิยไทยในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก และเพื่อเป็นการรักษาระดับหนี้สาธารณะไม่ให้เพิ่มมากจนเกินไป ภาครัฐควรมีการทบทวนนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยการลดสัดส่วนการถือครองในรัฐวิสาหกิจบางแห่งและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนอกจากจะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มแล้ว ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรัฐวิสาหกิจนั้นๆอีกด้วย

“ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังก็น่าจะยังมีความผันผวนแต่เป็นขาขึ้น เม็ดเงินต่างชาติก็มีโอกาสไหลเข้ามามากกว่า 3 พันล้านเหรียญฯเพราะหลายตลาดฯก็ดูมีปัญหา อินโดฯ เงินก็ไหลเข้าไปน้อยมาก 6 เดือนที่ผ่านมาแทบไม่มีเลย ส่วนมาเลเซียแม้ตลาดจะใหญ่กว่าเรา แต่ความน่าสนใจทางเศรษฐกิจมีน้อยกว่า เพราะเรามีฐาน consumer ที่ใหญ่ ตอนนี้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศถือว่าดีมาก P/E สูงกว่ากลุ่มพลังงานเยอะ อยู่ที่ 25 เท่า ส่วนพลังงานอยู่ที่ 10 เท่า"นายไพบูลย์ กล่าว

ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในภาวะถดถอยไปอีกระยะหนึ่งนั้น จึงอยากเสนอแนะให้ภาครัฐควรเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหาตลาดส่งออกใหม่เพื่อทดแทนตลาดยุโรป เช่นช่วยเจรจาในระดับรัฐบาลกับกลุ่มประเทศเป้าหมายเพื่อให้การส่งออกทำได้สะดวกขึ้น รวมทั้งควรมีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อให้เอกชนทราบถึงความต้องการรวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ

ส่วนเรื่องการไหลเข้า-ออกของเงินทุนหมุนเวียนที่ยังมีความผันผวนสูง ซึ่งส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้นด้วย ดังนั้นทางธนาคารแห่งประเทศไทย ควรดูแลไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากเกินไป ขณะเดียวกันภาครัฐก็ควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ