ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นานในวันนี้ เนื่องจากตลาดยังคงได้แรงหนุนหลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศใช้มาตรการรับมือกับวิกฤตหนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 14.84 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 12,894.93 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.76 จุด หรือ 0.28% แตะที่ 1,365.92 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 10.56 จุด หรือ 0.36% แตะที่ 2,945.61 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ประชุมสุดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติให้ธนาคารของยูโรโซนได้รับการเพิ่มทุนโดยตรงจากกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) โดยหนึ่งในเป้าหมายของการอนุมัติมาตรการดังกล่าวคือการพยุงพันธบัตรรัฐบาลในตลาดการเงิน
นอกจากนี้ ผู้นำอียูยังได้บรรลุข้อตกลงกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในยุโรป วงเงิน 1.20 แสนล้านยูโร หรือ 1.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งส่งเสริมการขยายตัวด้านการลงทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของยุโรป
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด หลังจากมีการคาดการณ์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของสหรัฐจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 52.0 จุด โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวในคืนนี้ตามเวลาไทย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์กเดือนมิ.ย.