นายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI)กล่าวว่า บริษัทร่วมกับสายการบินนกแอร์ ศึกษาการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำ(Low Cost Airlines) ซึ่งภายใน 1-2 สัปดาห์นี้บริษัทที่ปรึกษาจะส่งผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ และคาดว่าในเดือน ส.ค.นี้จะได้ความชัดเจน
เบื้องต้นแนวทางการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำร่วมกันนั้น THAI จะถือหุ้นใหญ่มากกว่า 49% และวางแผนจะเปิดทำการบินไม่เกินกลางปี 56 เพื่อทำตลาดการบินให้ครบทุกเซคเม้นท์ โดยเห็นว่าบริษัทจำเป็นที่จะต้องมี Low Cost Airlines เพื่อรุกตลาดนี้ที่มีอัตราเติบโตดี ซึ่งในสหรัฐและยุโรปมีส่วนแบ่งการตลาดสายการบินต้นทุนต่ำถึง 30-35% ขณะที่ในเอเชียนต่ำยังมีโอกาสเติบโตได้ดีมาก รวมทั้งเพื่อเป็นการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)
นายโชคชัย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอผลการทบทวนแผนการจัดซื้อเครื่องบิน 38 ลำ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทเพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอีกครั้งในปลายเดือน ก.ค.55 หลังจากคณะกรรมการบริษัทสั่งให้มีการทบทวนเพื่อความเหมาะสม เนื่องจากบริษัทมีผลขาดทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยวันที่ 18 ก.ค.นี้บริษัทจะมีการประชุมเพื่อสรุปแผนงานดังกล่าว
"สาเหตุการทบทวนเนื่องจากการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงต้องนำแผนจัดซื้อกลับมาทบทวนและเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยคาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้จะเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยยังไม่สรุปว่าการเสนอครั้งนี้จะจัดหาจำนวนกี่ลำ"นายโชคชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทจะรับมอบเครื่องบินใหม่ 12 ลำ เป็นเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 3 ลำในเดือน ก.ย, พ.ย.และ ธ.ค. , เครื่องบินแอร์บัส เอ 320-200 จำนวน 4 ลำ เป็นเครื่องบินเช่า, เครื่องบิน เอ 330-300 จำนวน 3 ลำ และเครื่องบิน 777-300 ER จำนวน 2 ลำ
ส่วนเครื่องบินที่มีแผนจะขายออกไปในปีนี้จำนวน 12 ลำ ได้แก่ เครื่องบินแอร์บัสเอ 300-600 จำนวน 4 ลำ, เครื่องบินแอร์บัสเอ 340-500 จำนวน 3 ลำ, เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 จำนวน 3 ลำ และ เครื่องบินโบอิ้งจัมโบ้ 747-400 จำนวน 2 ลำ ทั้งนี้ ฝูงบินการบินไทยมีอยู่ 90 ลำ
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/55 นายโชคชัย คาดว่าจะมีผลขาดทุน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และบริษัทมีค่าใช้จ่ายเงินเดือนพนักงานสูงขึ้น โดยผู้บริหารจะทำเวิร์คช้อปปรับปรุงงบประมาณทั้งปีในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ซึ่งจะมีการควบคุมค่าใช้จ่าย และปรับปรุงเส้นทางการบิน ยกเลิกเส้นทางที่มีผลขาดทุนมาก รวมทั้งเพิ่ม Production ในหลายเส้นทาง ปรับเปลี่ยนเส้นทางการบิน จะเริ่มส.ค.-ก.ย. นี้ จึงคาดว่าทั้งปี 55 ผลประกอบการยังน่าจะมีกำไร
"ในช่วง 5 เดือน กำไรก่อนหักอัตราแลกเปลี่ยนและภาษี ต่ำกว่าเป้าหมายไป 50%ที่ตั้งปีนี้ไว้ 6 พันล้านบาท ถ้าเราปล่อยไปตามธรรมชาติกำไรไม่ถึง 6 พันแน่ แต่ถ้าเราทำ ผมมั่นใจว่า เราจะกลับมาอยู่ในแดนบวกได้" นายโชคชัย กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ขณะที่การบินไทยสมายล์จะเริ่มบินเที่ยวปฐมฤกษ์ตามกำหนดในวันที่ 7 ก.ค.นี้ โดยตั้งเป้าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 75-80% เริ่มเส้นทางกรุงเทพ-มาเก๊า และในเดือน ก.ย.นี้เปิดเส้นทางบิน กรุงเทพ-ไฮเดอราบัด ส่วนเส้นทางบินในประเทศจะเริ่มในเดือน ส.ค.- ก.ย.ไปยังสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ และกระบี่
ด้านนางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและการบัญชี THAI คาดว่า ช่วงไตรมาส 4/55 บริษัทจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินอีก 3.5 พันล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกที่ออกไปแล้ว 4.5 พันล้านบาท โดยจะนำไปชดเชยหุ้นกู้เดิม และการลงทุนจัดหาเครื่องบินตามแผนงาน
ปัจจุบน บริษัทมีหนี้ทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท และมีต้นทุนการเงินไม่ถึง 4% โดยสัดส่วนหนี้เป็นสกุลเงินบาท 60% เงินสกุลยูโร 32% เงินเยน 7% ขณะที่หนี้เงินสกุลดอลลาร์แทบไม่มี ส่วนใหญ่กันไว้สำหรับจ่ายค่าเช่าเครื่องบินและจ่ายค่าน้ำมัน ซึ่งบริษัทมีค่าใช้จ่ายปีละประมาณ 8 หมื่นล้านบาท