รวมทั้งกำลังการกลั่นในปีนี้คาดว่าจะลดลงจากเป้าหมายที่วางไว้ที่ 9.4-9.5 หมื่นบาร์เรล/วัน มาเป็นประมาณ 9 หมื่นบาร์เรล/วัน โดยกำลังการกลั่นของหน่วยที่ 3 ในช่วง 3 เดือนที่หายไปนี้จะทำให้กำลังการกลั่นลดเหลือ 7 หมื่นบาร์เรล/วัน และหลังจากเปิดดำเนินการตามปกติก็จะกลับขึ้นมาเป็น 1.1 แสนบาร์เรล/วัน
นอกจากนั้น การหยุดเดินเครื่องในส่วนดังกล่าวจะทำให้บริษัทต้องลดการส่งออกน้ำมันเตาในตลาด spot ประมาณครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 30 ล้านลิตร/เดือน จากเดิมที่ส่งออกในปริมาณ 60 ล้านลิตร/เดือน แต่ลูกค้าที่มีสัญญากันอยู่ก็ยังสามารถส่งมอบได้ตามเดิม ขณะเดียวกันบริษัทจะต้องนำเข้าน้ำมันเตา VACUUMN GAS OIL มาเป็น feed stock ในหน่วยไฮโดรแครกเกอร์ประมาณ 1.5 หมื่นบาร์เรล/วัน และนำ feed stock จากหน่วยที่ 2 ที่ 1 หมื่นบาร์เรล/วัน เพื่อทำให้หน่วยไฮโดรฯ ผลิตได้เต็มกำลังที่ 2.5 หมื่นบาร์เรล/วัน เนื่องจากหน่วยดังกล่าวสามารถทำอัตรากำไรได้สูง
พร้อมกันนั้น บริษัทก็จะจัดซื้อน้ำมันในประเทศ เช่น เบนซีน แก๊สโซฮอล์ จากโรงกลั่นอื่นเพื่อซัพพลายให้กับสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ โดยขณะนี้สถานีบริการน้ำมันก็ยังเปิดให้บริการตามปกติ
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางจากสามารถควบคุมเวลาไว้ได้ ซึ่งเกิดจากมีจุดรอยรั่วดูแล้วต้องมีการแก้ไขอุปกรณ์ ผลต่อเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในละแวกนี้เพียงแต่เกิดเสียงระเบิดดังทำให้คนตกใจ"นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ โรงกลั่นหน่วยนี้ได้ทำการปิดซ่อมบำรุงมา 1 เดือน ช่วง พ.ค.ที่ผ่านมาและเพิ่งเปิดเดินเครื่องใหม่มาได้ 10 กว่าวันแล้ว