ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงมาปิดที่ระดับ 257.33 จุด หลังจากมีรายงานว่าภาคบริการของอังกฤษและเยอรมนีหดตัวลงในเดือนมิ.ย.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,267.75 จุด ลดลง 3.45 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 6,564.80 จุด ลดลง 13.41 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5684.47 ลบ 3.26 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซาหลังจาก Markit/CIPS เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของอังกฤษเดือนมิ.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 จาก 53.3 ในเดือนพ.ค. ซึ่งการที่ภาคบริการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างความวิตกแก่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของอังกฤษ
ขณะเดียวกันดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนี ร่วงลงแตะ 49.9 ในเดือนมิ.ย. จาก 51.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคบริการประสบกับภาวะชะงักงัน หลังจากที่มีการขยายตัวขึ้นในเดือนก่อนหน้า โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ความอ่อนแอของภาคบริการอังกฤษและเยอรมนีได้บดบังปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกอาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
หุ้น EON AG ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 1.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ "neutral" จากระดับ "overweight"
หุ้นแมนกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 4.7%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่าอีซีบีจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 8.2%