ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ได้ใช้มาตรการที่แข็งแกร่งในการควบคุมวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 47.15 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 12,896.67 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.44 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 1,367.58 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น 0.04 จุด ปิดที่ 2,976.12 จุด
มาร์ค ออตโต นักวิเคราะห์จากไนท์ แคปิตอล กล่าวว่า นักลงทุนมีมุมมองที่ว่า การที่ธนาคารกลางจีน อังกฤษ และยุโรป ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะย่ำแย่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนผิดหวังที่อีซีบีไม่ได้ประกาศใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้ แม้อีซีบีประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม และตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีเตือนว่า ความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจในยูโรโซนเผชิญกับภาวะขาลงนั้น เริ่มปรากฎชัดขึ้น ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงอ่อนแอ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาวะการลงทุนในตลาด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงแม้ว่าธนาคารกลางอังกฤษตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% และขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 5 หมื่นล้านปอนด์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.31% ในการประชุมเมื่อวานนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง โดยดัชนีภาคบริการลดลงแตะ 52.1 จากระดับ 53.7 ในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่งหลังจาก ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000-108,000 ตำแหน่งโดยประมาณ ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ลดลง 14,000 ราย มาอยู่ที่ 374,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 4.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นลิมิเต็ด แบรนด์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชุดชั้นในวิคตอเรีย ซีเครท พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นแซค ดีดตัวขึ้น 2.5% และหุ้นทาร์เก็ต คอร์ป พุ่งขึ้น 2.1% ส่วนหุ้นแอปเปิลซึ่งอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 1.8%
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานเดือนมิ.ย.น่าจะเพิ่มขึ้น 90,000-95,000 ตำแหน่งโดยประมาณ หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 69,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 8.2%