PTT พร้อมร่วมทุนพัฒนาแหล่งทับซ้อนไทย-เขมร ทั้งช่วยผลิต-แบ่งผลประโยชน์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 6, 2012 14:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยถึงการลงทุนในประเทศกัมพูชาว่า มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี และเชื่อว่ามีศักยภาพที่ดี เพราะเป็นพื้นที่บริเวณเดียวของไทยที่เหลืออยู่ และยังไม่ได้พัฒนาปิโตรเลียมขึ้นมาใช้ประโยชน์ ประกอบกับในท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในทะเลอยู่แล้ว สามารถต่อเชื่อมกับโครงการใหม่ได้ ส่วนปิโตรเลียมที่ผลิตได้จากแหล่งพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา จะนำไปใช้ได้ทั้งในฝั่งไทย และฝั่งกัมพูชา

สำหรับรูปแบบการลงทุนในพื้นที่นี้ ปตท.พร้อมที่จะลงทุนทั้งในรูปแบบช่วยกันผลิตและแบ่งปันผลประโยชน์ในพื้นที่คาบเกี่ยวคนละครึ่ง เหมือนกรณีลงทุนในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา หรือ JDA หรือลงทุนในรูปแบบพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-เวียดนาม ที่มีการแบ่งพื้นที่ให้มีความชัดเจนไปเลย แต่เห็นว่าสุดท้ายจะต้องอยู่บนผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อที่จะได้ข้อยุติโดยเร็ว

ส่วนปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปทำให้ ปตท.ต้องระมัดระวังในเรื่องการลงทุนมากขึ้น เพราะสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่คงไม่เพิ่มในขณะนี้ ขณะที่การลงทุนในแผนเดิมจะลดลงหรือไม่นั้นจะใช้เวลาพิจารณาดูความเหมาะสม

อย่างไรก็ดี จากเศรษฐกิจในยุโรปที่แย่ลงถือเป็นโอกาสของ ปตท.ที่จะสามารถลงทุนในหลายกิจการที่ต้องการลงทุนได้ แต่การจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง ซึ่งที่ผ่านมาได้เดินทางไปดูงานที่สเปนและมีความสนใจที่จะลงทุนด้านพลังงานในประเทศนี้ โดย ปตท.วางแผนการลงทุน 5 ปี ในช่วงปี 55-59 คาดใช้เงินลงทุนรวม 357,996 ล้านบาท โดยจะลงทุนในปีนี้ประมาณ 91,467 ล้านบาท ซึ่งจะมีการลงทุนทั้งในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ถ่านหิน, ไฟฟ้า โดยประมาณ 54% จะเป็นการลงทุนในประเทศไทย และที่เหลือจะเป็นการลงทุนในต่างประเทศ

นายไพรินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงมากมาอยู่ในระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงปลายเดือนมิ.ย. และราคาเริ่มปรับขึ้นแล้ว ล่าสุดที่อยู่ประมาณ 98 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดว่าไตรมาส 3 และ 4 ราคาน้ำมันจะขึ้นไปแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเชื่อว่าราคาน้ำมันจะยืนอยู่ในระดับนี้ เพราะเป็นระดับราคาที่ผู้ผลิตและผู้ขายรับได้ ซึ่งระดับราคาน้ำมันที่ขึ้นลงผันผวนอย่างรวดเร็วทำให้ ปตท.ต้องใช้ความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

ส่วนกรณีที่โรงกลั่นน้ำมันของ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว จะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของ ปตท. เนื่องจาก ปตท.มีหุ้นในโรงกลั่นหลายโรง ทำให้สามารถจัดหาน้ำมันจากโรงกลั่นอื่นมาแทนบางจากฯได้ โดยจะให้โรงกลั่นน้ำมันของ บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC), บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) และ บมจ.ไทยออยล์(TOP) มากลั่นน้ำมันเพิ่ม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ