ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) หลังจากบริษัท แอดวานซ์ ไมโคร ดิไวเซส (AMD) ผู้ผลิตชิพรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทอื่นๆด้วย อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไม่มากนัก เพราะตลาดได้แรงหนุนจากข่าวรัฐมนตรีคลังยุโรปตกลงว่าจะให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารของสเปน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 83.17 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 12,653.12 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 10.99 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 1,341.47 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 29.44 จุด หรือ 1% ปิดที่ 2,902.33 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจาก AMD เปิดผยว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและยุโรปได้ส่งผลให้รายได้ไตรมาส 2 ของบริษัทหดตัวลง 11% ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงทันที เนื่องจาก AMD คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าทางบริษัทจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 3% นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังฉุดหุ้น AMD ดิ่งลงกว่า 11% และยังฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัดเพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้ตกลงกันในเงื่อนไขที่จะให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาของสเปน โดยระบุว่า ยูโรโซนพร้อมที่จะจัดหาเงินมูลค่า 3 หมื่นล้านยูโรให้กับธนาคารเหล่านี้ภายในสิ้นเดือนก.ค. นอกจากนี้ ยูโรกรุ๊ปยังได้ตกลงกันที่จะขยายระยะเวลาสำหรับรัฐบาลสเปนออกไปอีก 1 ปีจนถึงปี 2557 ในการบรรลุเป้าขาดดุลงบประมาณที่ 3 % ของจีดีพี
ข่าวดังกล่าวช่วยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปสปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 7% และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วย
หุ้นคัมมินส์ อิงค์ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์ ร่วงลง 8.9% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 2 ล้านดอลลาร์
หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่น (RIM) ร่วงลง 5% หุ้นเจซี เพนนี ดิ่งลง 5.8%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากรายงานของสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) ที่ระบุว่าดัขนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมในสหรัฐลดลงอย่างฮวบฮาบในเดือนมิ.ย. โดยร่วงลง 3 จุด สู่ระดับ 91.4 จุด
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนมิ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.ค.