หุ้น RML ราคาขยับขึ้น 1.27% มาอยู่ที่ 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท เมื่อเวลา 10.03 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.59 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.60 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.58 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์นแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.ไรมอนแลนด์(RML) ราคาเหมาะสม 1.98 บาท เนื่องจากโครงการ The River ได้เริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์แล้วในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าบริษัทจะสามารถทำยอดได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 700 ล้านบาท ใน 2Q55 และทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องใน 2H55 อีกไตรมาสละ 3,000 ล้านบาท
ดังนั้น คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการที่จะพลิกเป็นกำไรครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาสตั้งแต่ 2Q55 เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นคาดว่า 2Q55 จะมีกำไรราว 50-60 ล้านบาท จากขาดทุน 70.50 ล้านบาท ใน 1Q55
นอกจากนี้ คาดว่าจะส่งผลให้กำไรปี 2555 เติบโตสูงถึง 1,253 ล้านบาท พลิกกลับผลขาดทุน 485 ล้านบาทในปี 2554 และกำไรเกือบทั้งหมดของประมาณการจะรับรู้ใน 2H55 เทียบกับ 1H55 ที่คาดว่าจะขาดทุนเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงสิ้นปี
ราคาหุ้นยังมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยซื้อขาย PER ปี 2555 - 2556 เพียง 4.9 เท่า และ 4.5 เท่า ตามลำดับ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 9.8 เท่า และมี Upside 25% สูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ใน Coverage ของเรา
ด้าน บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"หุ้น RML ประเมินว่า ผลประกอบการ Q2/55 ของ RML พลิกเป็นกำไรสุทธิราว 73 ล้านบาท หลังเริ่มโอนโครงการคอนโดมีเนียม The River ราว 800 ล้านบาท เป็นสัญญาณที่ดีเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการ RML
แนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 การรับรู้รายได้ของโครงการ The River ที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 6 พันล้านบาท ในช่วง 2H/55 โดยจะมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อมากที่สุดใน Q4/55 ทำให้คาดว่ารายได้ของ RML จะเติบโตมากที่สุดในไตรมาสสุดท้าย ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการ The River มูลค่าโครงการรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ที่มียอดขายไปแล้วกว่า 80% ขณะที่การก่อสร้างแล้วเสร็จไป 95% โดยเรายังคงประมาณการรายได้ของปี 2555 ทั้งปีที่ 7.9 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท
จากการพลิกฟื้นของผลประกอบการและส่วนต่างราคาที่มีระดับสูงกว่า 29% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 2.04 บาท (อ้างอิง APER 5.5 เท่า) ทำให้ RML ยังมีความน่าสนใจ รวมถึงการมีงานในมือระดับ 1.8 หมื่นล้านบาท ช่วยลดความเสี่ยงของการรับรู้รายได้ในช่วง 1-2 ปี ซึ่งจะทำให้สถานะทางการเงินแข็งแรงขึ้น จากสัดส่วนหนี้สินต่อทุน และขาดทุนสะสมที่ลดลง