นางณัฐชนัญ เก่งลือชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานช่องทางจัดจำหน่าย บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ายอดสมาชิกสินเชื่อบุคคลใหม่ปีนี้ที่ 1 แสนราย เพิ่มจากปีก่อน 9.7 หมื่นราย โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดสมาชิกใหม่ที่ 4.5 หมื่นราย ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นเรื่องความร่วมมือในทุกด้านรวมถึงการเพิ่มพนักงานขายทางโทรศัพท์(Telesale) เพิ่มขึ้นอีก 60 คน ซึ่งมั่นใจว่าทั้งปีจะสามารรถขยายฐานลูกค้าได้ตามเป้าหมาย
ขณะที่บริษัทตั้งเป้ามียอดสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 1 แสนราย ลดลงจากปีก่อนที่มียอดสมาชิกบัตรใหม่ที่ 1.45 แสนรายเนื่องจากต้องการจะเน้นคุณภาพมากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 5.5 หมื่นราย เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้
"ในปีนี้ธนาคารจะเน้นกลยุทธ์ด้านคุณภาพ และไม่เน้นตัวเลขเพิ่มจำนวนยอดบัตรเครดิต แต่จะเน้นการเพิ่มรายได้ และลดต้นุทน รวมทั้งไม่สร้างหนี้เสีย"นางณัฐชนัญ กล่าว
ส่วนหนึ่งบริษัทได้วางช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคารกรุงไทย(KTB)ที่มีสาขาจำนวนมาก โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าใหม่ จากส่วนนี้เพิ่มจากสัดส่วน 28% เป็น 40% รวมถึงการใช้เครือข่ายผ่านธนาคารออมสิน เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อย ขณะเดียวกัน KTB และธนาคารออมสินจะเป็นช่องทางขยายฐานลูกค้าไปยังข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่เงป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงเกิดหนี้ต่ำมาก และยังเป็นกลุ่มที่ได้รับการปรับฐานรายได้ขั้นต่ำเป็น 15,000 บาทต่อเดือน
"ปีนี้การทำงานจะ synergy มากขึ้นในหลายด้าน ซึ่งช่องทางการขายของบริษัทยังคงมีทั้งผ่าน Direct Sale และมีการปรับโครงสร้าง Telesale มาบริหารเอง และขายผ่าน KTC Touch, Internet รวมถึงเครือข่ายสาขาธนาคารกรุงไทยและออมสิน...ปีนี้เราไม่เน้นเรื่องทำยอด แต่ทำอย่างไรให้มีรายได้ต้องหาทางให้ลูกค้านำบัตรไปใช้โดยไม่มีหนี้เสีย ยอดปีนี้อาจไม่เยอะเท่าปีที่แล้ว แต่เราจะโตอย่างมีคุณภาพ"นางณัฐชนัญ กล่าว
ส่วนหนึ่งของการทำงานในปีนี้จะลดยอดปฏิเสธการอนุมัติบัตร จากเดิมที่มีสัดส่วน 50/50 เนื่องจากการพิจารณาในการอนุม้ติแต่ละใบจะมีต้นทุนบริหารจัดการ ขณะเดียวกันจะเน้นการกระตุ้นฐานบัตรลูกค้าใหม่ให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรให้มากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อบุคคลซึ่งในช่วงต้นปีมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 52% ทั้งปีน่าจะเพิ่มเป็น 55% ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปีนี้ตั้งเป้าเป็น 5,800 บาท/ใบ/เดือน จากปีก่อน 5,200 บาท/ใบ/เดือน
บริษัทจะหันมาเน้นสร้างรายได้จากกลุ่มสินเชื่อบุคคลมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มมีรายได้ในการทำบัตรไม่สูง หรือ 10,000 บาท/เดือน ในขณะที่จะมีรายได้จากดอกเบี้ยตามที่ทางการกำหนดให้คิดดอกเบี้ยที่ 28% โดยรายได้จากดอกเบี้ยจะคิดตั้งแต่วันแรกที่ลูกค้าใช้เงิน ขณะที่ลูกค้าบัตรเครดิตนั้น บริษัทจะต้องมีการลงทุนเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการใช้จ่ายก่อน
ปัจจุบัน KTC มีฐานลูกค้าบัตรเครดิตจำนวน 1.6 ล้านใบ และสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 5.5 แสนราย