นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในพื้นที่ประเทศลาว จากเอกชนไทย ซึ่งโครงการนี้อยู่ระหว่างตั้งเสาวัดลม ขนาด 400-600 เมกะวัตต์ที่ต้องใช้เวลา 1 ปีในการวัดกำลังลม
ขณะที่โครงการพลังงานลมในพม่านั้น บริษัทกำลังเจรจาผู้ร่วมทุนอีก 1 รายเพื่อเข้าร่วมลงทุนดำเนินโครงการพลังงานอื่นนอกเหนือโครงการพลังงานลม จะมีโครงการพลังงานจากเขื่อน โรงไฟฟ้าจากถ่านหิน โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะพัฒนาร่วมกับโครงการพลังงานลม
"ตอนนี้เราคุยกับผู้ร่วมทุน 1 ราย เพื่อที่จะทำพลังงานลม หรือที่มาจากเขื่อน หรือโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าจากก๊าซ เพราะลมในพม่า ยังไม่เสถียร ซึ่งจะพัฒนาไปร่วมกัน ท้ายที่สุด GUNKUL จะถือหุ้น 25%" นางสาวโศภชา กล่าว
นางสาวโศภชา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 55 ที่ 4.3 พันล้านบาท เติบโต 50-60% โดยมาจากธุรกิจหลักคือ จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า 70% และอีก 30% มาจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์
โดยในไตรมาส 2/55 คาดว่าจะมีรายได้ 1.9-2 พันล้านบาท เติบโตเท่าตัวจากไตรมาส 2/54 ที่มีรายได้ 1 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมี Backlog อยู่ในมืออีก 1 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด
กรรมการผู้จัดการ GUNKUL กล่าวว่า บริษัทยังเตรียมยื่นประมูลงานในครึ่งปีหลัง จำนวน 4 พันล้านบาท เป็นทั้งงานภาครัฐ เอกชน รวมทั้งงานเคเบิลใต้น้ำซึ่งจะยื่น 2 โครงการในไตรมาส 4/55 คาดว่าจะได้งาน 1 โครงการ
นางสาวโศภชา กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้า ถือหุ้นโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์เพิ่มเป็น 100 เมกะวัตต์จากปัจจุบันมีอยู่จำนวน 57 เมกะวัตต์ โดยระหว่างนี้เจรจาขอซื้อใบอนุญาต ซึ่งมีค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder)ในอัตรา 6.50 - 8.00 บาท และคาดว่าสรุปปีนี้และทยอยสร้าง
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะรับรู้กำไรจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในปีนี้ที่มีอยู่ 34 เมกะวัตต์ จำนวนกว่า 200 ล้านบาท และในปี 56 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มเป็น 57 เมกะวัตต์ จะทำให้มีกำไรเพิ่มเป็น 570 ล้านบาท
ส่วนโครงการพลังงานลม ที่ห้วยบง จ.นครราชสีมา ขนาด 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 6 พันล้านบาท(บริษัทถือ 70%) คาดว่า ไตรมาส 3/55 จะเข้าไปออกแบบและเริ่มก่อสร้างไตรมาส 4/55 หลังจากวัดพลังงานลมแล้ว และคาดว่าต้นปี 57 จะสามารถจ่ายไฟได้ 10 เมกะวัตต์ และกลางปี 58 จะสามารถจ่ายไฟครบ 60 เมกะวัตต์