โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)รับปัจจัยบวกจากการโอนผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิย้ายกลับไปสนามบินดอนเมือง รวมทั้งย้ายบริการของสายการบินต้นทุนต่ำไปใข้สนามบินดอนเมืองแทน ทำให้สนามบินทั้งสองแห่งมี capacity เหลือเพียงพอที่จะทำให้ AOT เติบโตได้อีก
นอกจากนี้ AOT ยังได้รับแรงหนุนจากแผนปรับขึ้นค่าธรรมเนียมภาษีสนามบินตามต้นทุน(cost) โดยสำหรับในประเทศ จากเดิม 100 บาท/คน เป็น 150 บาท/คน ส่วนต่างประเทศ จากเดิม 700 บาท/คน เป็น 800 บาท/คน เชื่อว่าทางการน่าจะอนุมัติให้ดำเนินการได้ภายในเดือน ส.ค.นี้
อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขเที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมคาดการณ์กำไรปกติปีนี้(ปิดงบเดือน ก.ย.55)ไว้ในช่วง 5,540-7,581 ล้านบาท เติบโตจากปี 54 ซึ่งยังไม่รวมผลจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(FX)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) Credit Suisse ซื้อ 73.00 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 96.70 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 67.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 65.00 บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 65.00 บล.คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อเก็งกำไร 61.25 บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 58.50(เป้าใหม่ 74 หากขึ้นภาษีสนามบิน)
Credit Suisse(CS)แนะ"ซื้อ"หุ้น AOT เนื่องจากยอดผู้โดยสารต่างชาติปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือน พ.ค.และคาดว่ายอดดังกล่าวจะปรับตัวขึ้นต่อในช่วง 3Q อย่างไรก็ดี ปัญหาการ delay ที่สนามบินอาจจะทำให้บริษัทต้องจ่ายค่าปรับให้แก่สายการบินเนื่องจากความล่าช้า แต่ยังคงความเห็นว่าค่าปรับดังกล่าวจะไม่กระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
นายจรูญพันธุ์ วัฒนวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองปัจจัยบวกจากการย้ายสายการบินต้นทุนต่ำไปให้บริการที่สนามบินดอนเมือง โดยสนามบินสุวรรณภูมิมี capacity รองรับผู้ใช้บริการได้ 45 ล้านคน แต่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 51 ล้านคน เกิน capacity 15% เมื่อมีการย้ายสายการบินต้นทุนต่ำไปที่สนามบินดอนเมืองผู้ใช้บริการก็ย้ายตามไปด้วยประมาณ 11 ล้านคน ทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีผู้ใช้บริการเหลือ 40 ล้านคน จึงเหลือ room อีก 5 ล้านคนที่จะเติบโตได้อีก
ขณะเดียวกันสนามบินดอนเมืองมี capacity อยู่ 36 ล้านคน ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการอยู่ประมาณ 4 ล้านคน เมื่อมีผู้ใช้บริการเพิ่มที่มาจากสนามบินสุวรรณภูมิอีก 11 ล้านบาท ทางสนามบินดอนเมืองก็ยังมี room เหลืออีกประมาณ 20 ล้านบาท ดังนั้น AOT จึงมีโอกาสที่จะเติบโตได้จากสนามบินทั้ง 2 แห่ง
AOT ยังได้รับแรงหนุนจากที่กำลังจะขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมภาษีสนามบินตามต้นทุน(cost)ที่เกิดขึ้น โดยขอปรับภาษีสนามบินสำหรับในประเทศ จากเดิม 100 บาท/คน เป็น 150 บาท/คน ส่วนต่างประเทศ จากเดิม 700 บาท/คน เป็น 800 บาท/คน เชื่อว่าทางการน่าจะอนุมัติให้มีการปรับขึ้นภาษีสนามบินได้ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
พร้อมคาดการณ์กำไรปกติปีนี้(ปิดงบเดือนกันยายน 2555)ไว้ที่ 6,653 ล้านบาท เติบโต 63.9% จากปีที่แล้วที่มีกำไรปกติ 4,058 ล้านบาท
ด้านนายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาปัจจุบันของ AOT ได้ปรับตัวขึ้นมาเทียบเท่ากับราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ 65 บาท/หุ้นแล้ว จะเห็นได้ว่า AOT มีปัจจัยหนุนมาจากเรื่องค่าธรรมเนียมภาษีสนามบินที่จะมีการปรับขึ้น โดยภาษีสนามบินสำหรับในประเทศ ปัจจุบันคิด 100 บาท/คน จะขอขึ้นเป็น 150 บาท/คน ส่วนต่างประเทศ ปัจจุบันคิด 700 บาท/คน จะขอขึ้นเป็น 800 บาท/คน ต้องรอให้อนุมัติในเดือน ส.ค.นี้ก่อนจะใช้จริงในปีหน้า เพราะต้องให้เวลาสายการบินปรับตัวด้วย
นอกจากนี้ AOT ยังได้รับประโยชน์จากการโอนผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิกลับไปสนามบินดอนเมือง จากที่ให้สายการบินต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะแอร์เอเชียย้ายไปให้บริการที่ดอนเมือง ทำให้ AOT ได้ประโยชน์จากส่วนค่าเช่า Duty Free เพิ่มขึ้น แต่ง AOT ก็ต้องชดเชยให้กับแอร์เอเชียในการให้ discount เป็นระยะเวลา 3 ปี และให้ค่าขนย้าย จะเห็นได้ว่าแอร์เอเชียน่าจะได้รับประโยชน์มากกว่า AOT
สำหรับปริมาณผู้โดยสารงวดไตรมาส 2/55 ปกติแล้วจะเป็นช่วง Low Season แต่ปีนี้จะเห็นได้ว่าปริมาณผู้โดยสารไตรมาส 2/55 ดูดีขึ้น ทำให้ไตรมาส 2/55 อัตราการลดลงของผู้โดยสารจะน้อยกว่าปีก่อน ๆ เนื่องจากต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรปกติปีนี้(ปิดงบฯกันยายน 2555)จะอยู่ที่ 5,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% จากปีก่อนที่มีกำไรปกติ 4,758 ล้านบาท
ส่วนนายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ปัจจัยบวกของ AOT อยู่ตรงการขอปรับขึ้นภาษีสนามบิน หากได้รับอนุมัติภายในเดือน ส.ค.55 ก็จะทำให้ราคาเป้าหมายของ AOT ขยับขึ้นเป็น 74 บาท/หุ้น จากเดิมอยู่ที่ 58.50 บาท/หุ้น นอกจากนี้ AOT ยังมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตต่อเนื่อง
การย้ายสายการบินต้นทุนต่ำไปที่สนามบินดอนเมืองก็ทำให้ AOT สามารถเติบโตได้จากสนามบินทั้ง 2 แห่ง ซึ่งเป็นการเกื้อหนุนรายได้ของ AOT ให้เติบโตดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี ปีนี้ AOT ก็คงจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสนามบินดอนเมือง คาดว่าจะมีประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่ AOT ก็มีโอกาสตีกลับบันทึกการด้อยค่าสนามบินดอนเมืองประมาณ 4,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 53 เนื่องจากสนามบินดอนเมืองจะมีรายได้มากขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรปกติปีนี้(ปิดงบฯกันยายน 2555)ไว้ที่ 7,581 ล้านบาท ยังไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(FX)แต่ได้รวมรายการพิเศษเป็นรายได้จากรัฐบาลที่ให้เงินมาใช้ในการซ่อมแซมหลังน้ำท่วม ตรงนี้ได้มีการบันทึกมาแล้วในไตรมาส 2/54-55 จำนวน 392 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษก็จะมีกำไรปกติที่ 6,381 ล้านบาท ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว AOT มีกำไรสุทธิ 2,524 ล้านบาท โดยเป็นกำไรปกติ 5,030 ล้านบาท