ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกเศรษฐกิจโลกซบเซา ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 31.26 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 13, 2012 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เนื่องากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนคนว่างงานปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 31.26 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 12,573.27 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.69 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 1,334.76 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 21.79 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 2,866.19 จุด

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงซบเซา เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่รายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 ซึ่งตรงข้ามกับที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้

รายงาการประชุมของเฟดระบุว่า เฟดได้ตัดสินใจขยายเวลาการใช้มาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปี 2555 ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ และขายพันธบัตรระยะสั้นประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีในวงเงินเท่ากัน

ในการประชุมครั้งนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ด้วย โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.9-2.4% ในปี 2555 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ 2.4-2.9% พร้อมกับคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ 8-8.2% ในปี 2555 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ระดับ 7.8-8%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังระดับโลก กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ในวันนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐส่งสัญญาณการฟื้นตัวก็ตาม

การแสดงความคิดเห็นของบัฟเฟตต์ รวมทั้งความผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE3 ได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แม้สหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วที่ลดลง 26,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ มาอยู่ที่ 350,000 ราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551

หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.9% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 1.6% นายบัฟเฟตต์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเจพีมอร์แกนกล่าวว่า เขายังคงเชื่อมั่นในความสามารถของนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน ซึ่งการแสดงความเชื่อมั่นของบัฟเฟตต์มีขึ้นเพียงวันเดียวก่อนที่เจพีมอร์แกนจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส โดยนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าผลกำไรของเจพีมอร์แกนจะหดตัวลง 40% มาอยู่ที่ระดับ 70 เซนต์ต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) และหุ้นเมิร์ก แอนด์ โค ดีดตัวขึ้นกว่า 3.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเลนนาร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นพัลท์ กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 2.9% และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.7%

หุ้นแมคโดนัลด์ทะยานขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 และจะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และยอดค้าปลีก

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของจีนจะขยายตัวต่ำกว่า 8% เนื่องจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศซบเซาลงอย่างมาก

นอกจากนี้ จับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ