นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการว่า วิกฤติยุโรปเริ่มส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าของไทยคาร์โก้ แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารการบินไทยไปพิจารณาแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว รวมทั้งต้องพิจารณาตลาดเอเชียด้วยว่าจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานอย่างไรบ้าง
และในวันที่ 14 ก.ค.นี้ การบินไทยจะประชุมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ใหม่ ซึ่งจะพิจารณาตัวเลขผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ โดยเป้าหมายในการดำเนินงาน คือ เน้นการสร้างกำไร ไม่ใช่เน้นแต่การเพิ่มอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)เท่านั้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาด้วย เช่น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงราคาน้ำมัน และการแข่งขันของตลาดธุรกิจการบิน
"ขณะนี้การบินไทยยังอยู่ในช่วงวิกฤติ แต่มีทางออก คณะกรรมการและฝ่ายบริหารจะต้องรวมกันวางแผนว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้รายได้เป็นไปตามประมาณการณ์ ขณะที่มีรายจ่ายที่ไม่คาดคิดเพิ่มขึ้นหลายรายการ ซึ่งมั่นใจว่าฝ่ายบริหารการบินไทยจะสามารถดูแลบริหารจัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ส่วนเป้ากำไรปีนี้ที่ 6,000 ล้านบาทหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยพูด"นายอำพน กล่าว
นอกจากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการยังได้รับทราบผลการดำเนินงานของสายการบินไทยสมายล์หลังเปิดให้บริการ 1 สัปดาห์ พบว่าเป็นที่น่าพอใจมาก การตอบรับของตลาดดีมาก อัตราการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าเป็นไปตามเป้าหมาย และที่สำคัญคือ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ต่ำกว่าการบินไทยกว่า 50%
ประธานกรรมการ THAI กล่าวยืนยันว่ การบินไทยคงมีสายการบินให้บริการใน 3 กลุ่ม คือ สายการบินไทย สายการบินไทยสมายล์ และสายการบินนกแอร์ ส่วนสายการบินต้นทุนต่ำที่จะตั้งขึ้นใหม่นั้น ฝ่ายบริหารการบินไทยยังไม่ได้เสนอแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาในขณะนี้