นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บมจ. ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ในช่วงครึ่งแรกปี 55 บริษัทมียอดขายรวม 9.5-9.6 พันล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มาจากการเปิดโครงการใหม่ 8 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท และทั้งปี 55 มีโอกาสที่ยอดขายจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท
"เราคงไม่มีการปรับเป้ายอดขายปีนี้ แต่ยอมรับว่ามีโอกาสที่ยอดขายจะสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม และครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 9 โครงการ" นายไตรเตชะ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog) มากกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากคอนโดมิเนียม ซึ่งปีนี้จะมีการก่อสร้างแล้วเสร็จหลายโครงการ ดังนั้น เชื่อว่ารายได้ปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.25 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิจะเติบโตกว่าปีก่อนแน่นอน ที่มีกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้เติบโตได้ตามเป้า และรับประโยชน์การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจะรักษาให้อยู่ระดับใกล้เคียงปี 54 ที่อยู่ 42% แม้ต้นทุนโดยรวมจะปรับเพิ่มขึ้น 10% แต่บริษัทมีการปรับราคาขายเฉลี่ย 5-6%
"ปีนี้จะมีคอนโดฯก่อสร้างแล้วเสร็จรอโอนเยอะ ดังนั้นกำไรขั้นต้นก็ไม่กระทบ ส่วนแนวราบ เรามีการขายเมื่อเริ่มการก่อสร้าง ทำให้ให้เราทราบต้นทุนก็มีการปรับราคาขายตามต้นทุนได้" นายไตรเตชะ กล่าว
บริษัทยังคงเป้าหมายที่จะรุกตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะมีการเปิดโครงการในจังหวัดใหม่ๆ อีก 2 จังหวัดทางภาคใต้และตะวันออก โดยพบว่าขณะนี้ต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่มีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น ซึ่งบริษัทเล็งเห็นโอกาสการลงทุน ส่วนตลาดในกรุงเทพฯมองว่ากำลังซื้อยังอยู่ระดับที่ดีเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการศึกษาแนวทางการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากการสร้างที่อยู่อาศัย แต่ยังอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งสำนักงานให้เช่า และธุรกิจค้าปลีก โดยอาจเป็นการลงทุนเองหรือการเข้าร่วมทุน ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่คงยังไม่ได้เห็นรูปแบบการลงทุนชัดเจนภายในปีนี้ เพราะต้องพิจารณาความเหมาะสมและการเจรจาด้านต่างๆ อย่างรอบคอบ
ส่วนการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทยังไม่มีความสนใจในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากกำลังซื้อและความต้องการตลาดยังมีน้อยกว่าตลาดในประเทศ เพียงแต่มีการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อม มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น