ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนมิ.ย.
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 0.2% แตะที่ 255.68 จุด ณ เวลา 15.04 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้
ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลง 0.4% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี และดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปรับตัวลง 0.7%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.6% และยังได้ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2556 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.9% ซึ่งลดลง 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ไอเอ็มเอฟได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวในรายงาน "World Economic Outlook" ซึ่งเป็นรายงานรอบครึ่งปี โดยระบุว่า แม้เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาสแรก แต่เศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง 0.5% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยอดค้าปลีกทำสถิติร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากความต้องการสินค้าปรับตัวลดลงทุกรายการ ตั้งแต่สินค้าอิเล็กทรอนิก ไปจนถึงรถยนต์ และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2511 ที่ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก
หุ้น G4S ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยรายใหญ่ของโลก ร่วงลง 9.8% หลังจากบริษัทคาดว่าจะขาดทุน 50 ล้านปอนด์ หรือ 78 ล้านดอลลาร์ ภายหลังจากที่บริษัทไม่สามารถจัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เพียงพอสำหรับงานโอลิมปิก