ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ลดลงอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนมิ.ย. และหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนในระดับหนึ่ง หลังจากซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 49.88 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 12,727.21 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.14 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,353.64 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 11.53 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 2,896.94 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง 0.5% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และหากไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ร่วงลง 1.8%
ยอดค้าปลีกทำสถิติร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากความต้องการสินค้าปรับตัวลดลงทุกรายการ ตั้งแต่สินค้าอิเล็กทรอนิก ไปจนถึงรถยนต์ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2511 ที่ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5% จากเดิม 3.6% และยังได้ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2556 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.9% ซึ่งลดลง 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยไอเอ็มเอฟระบุว่า แม้เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาสแรก แต่เศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง เนื่องจากประเทศยุโรปมีความล่าช้าในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.0% ในปี 2555 และ 2.3% ในปี 2556 ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์สำหรับทั้งปีนี้และปีหน้าลง 0.1% จากการคาดการณ์ครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่งจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กที่ระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ดัชนีภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 7.4 จุดในเดือนก.ค. จากระดับ 2.3 จุดของเดือนมิ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.00 จุด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาในแง่ของสินทรัพย์ รายงานว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลงลงมาอยู่ที่ระดับ 2.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 95 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับ 3.34 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม รายได้สุทธิยังอยู่ในระดับสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 89 เซนต์ต่อหุ้น
นักลงทุนจับตาดู เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดซึ่งจะแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาะการบริการด้านการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ ในวันอังคารและวันพุธนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป ดีดขึ้น 0.7% และหุ้นเดนเบอร์รี่ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 3.9%
หุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 1.7% ขณะที่หุ้นวีซ่า ทะยานขึ้น 2.5%
หุ้นซิตี้กรุ๊ปขยับขึ้น 0.6% เจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.7%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยในเวลา 19.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. จากนั้นในเวลา 20.55 น. ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย. และในเวลา 21.00 น.กสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.