นางณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย กล่าวว่า การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับแมคควอรี่ กรุ๊ป และการเดินหน้าเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ทั้งรายได้และส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) ภายใต้คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะดีดตัวขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 1,350 จุดภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ในปีนี้ที่ 8% สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ 3.59% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 5.59% แล้ว ถือเป็นโบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงเป็นอันดับ 3 และหากทำได้ตามเป้าหมายทั้งปีก็จะทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2
"การตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้กระโดดเป็น 8% เพราะมีการร่วมมือกับแมคควอรี่ เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะมีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามาประกอบกับมีบทวิจัยที่กระจายไปทั่วโลก ทำให้ฐานลูกค้าต่างประเทศเข้ามามากขึ้น ทำให้มั่นใจปีนี้จะทำได้ตามเป้า ประกอบกับลูกค้ามีการขยายฐานลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งเตรียมเปิดสาขาต่างจังหวัดอีก 10 สาขา" นางณัฐรินทร์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 52 แห่งภายในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็นกรุงเทพ 14 สาขา และต่างจังหวัด 10 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 28 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมการบริการทุกภูมิภาคทั่วประเทศ นโยบายการขยายสาขายังเน้นกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักที่มีการเติบโตสูงมาก
สำหรับสาขาต่างจังหวัดมีลูกค้าเติบโตต่อเนื่อง ยอดบัญชีเปิดใหม่กว่า 80% มาจากสาขาเชียงใหม่และพัทยา ส่วนอีก 20% มาจากสาขาภูเก็ตที่มีอยู่ 2 สาขา และสาขาอุดรธานีที่เพิ่งเปิดไปเมื่อปลายปี 54
พร้อมกันนั้น บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่อีก 13,360 บัญชี โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 3,426 บัญชี และครึ่งปีหลังต้องทำให้ได้อีกราว 10,000 บัญชี ผ่านเครือข่ายสาขาต่างจังหวัดมากขึ้น ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าสถาบัน 60% แบ่งเป็นต่างประเทศ 48% และในประเทศ 12% ขณะที่ลูกค้ารายย่อยมีสัดส่วน 40% และเตรียมเพิ่มเจ้าหน้าที่การตลาดเป็น 390 คนในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 257 คน
นางณัฐรินทร์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้รายได้จะทำได้ราว 1,804 ล้านบาท เติบโต 35% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,300 ล้านบาท ภายใต้มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ย 29,000 ล้านบาท/วัน โดยสัดส่วนรายได้ 81% มาจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และอีก 12% มาจากธุรกิจวาณิชธนกิจ ส่วน 7% เป็นรายได้อื่นๆ
บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจวาณิชนธนกิจ(IB)ที่ 210 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 195 ล้านบาท ปัจจุบันมีดีลในมือ 10 ดีล คาดปิดดีลภายในสิ้นปีนี้ 4 ดีล เป็นดีล IPO 1 ดีล ส่วนอีก 3 ดีลเป็น M&A ส่วนอีก 6 ดีลจะแล้วเสร็จในปี 56
บริษัทยังอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมในการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์(DW)ในช่วงไตรมาส 4/55 โดยขณะนี้รอผลการจัดอันดับเครดิตองค์กร คาดว่าจะประกาศได้ในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นบริษัทจะพิจารณารายละเอียดการออก DW ต่อไป ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลาย
นางณัฐรินทร์ กล่าวอีกว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ระยะกลางจนถึงสิ้นปีนี้ยังมองแนวโน้มตลาดเป็นบวก คาดว่าจะดีดตัวขึ้นไปได้ถึง 1,350 จุด เพราะยังมีปัจจัยบวกสนับสนุน โดยเฉพาะผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะออกมาดี
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นมองว่าปัญหาสหรัฐได้รับอานิสงส์จากบริษัทใหญ่ๆ เช่น โกลด์แมน แซคส์, โคคา โคล่า ที่ประกาศผลประกอบการดีกว่าที่คาด ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นบวก แต่ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหว sideway เพราะไม่มีปัจจัยกระทบแรงๆในระยะสั้น ส่วน QE3 ที่ยังไม่มีการประกาศใช้ตามที่คาดหวังไว้ ทำให้นักลงทุนยังต้องระมัดระวังการลงทุน