นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) แสดงความมั่นใจฐานะของบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์)ของไทยมีความแข็งแกร่ง สามารถรองรับหากเกิดผลกระทบจากวิกฤติยุโรปได้ โดยจากการทดสอบ(stress test)ภายใต้สมมติเหตุการณ์กรณีราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โบรกเกอร์ต่างๆ ก็มีฐานะและเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ(NCR)เพียงพอจะรับมือได้
ขณะที่กองทุนรวมต่างๆ ภายใต้การดูแลของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)มีการลงทุนในภูมิภาคยุโรปน้อยมาก และไม่มีการลงทุนในประเทศกรีซ สเปน และอิตาลี
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ในยุโรปอย่างใกล้ชิด หลังจากหลายฝ่ายมองว่าการแก้ปัญหาคงต้องใช้เวลานานอีกเป็นปีขึ้นไป เพราะปัญหามีความซับซ้อน และการแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย
"จากการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยความระมัดระวัง แต่ไม่ตกใจได้ร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจนเกินไป"นายวรพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามในเบื้องต้นพบว่าระบบะเคลียริ่งหรือระบบชำระบัญชีของโบรกเกอร์ต่าง ๆ ยังเป็นไปตามปกติ รวมถึงการทำ stress test กับโบรกเกอร์ กรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวอย่างรวดเร็ว ก็พบว่าสามารถรับมือได้ดี
"Clearing system ทุกวันนี้มั่นใจได้ ถ้าหุ้นตกลง 10% ติดต่อกัน 3 วัน เราพบว่า บริษัทหลักทารัพย์ก็ยังโอเค ...การมีการเปลี่ยนแปลงราคาติดต่อกัน 3 วัน หรือ 5 วัน ฐานะทางการเงินของบริษัทหลักทรัพย์และทุนมีเพียงพอ ปกติเราทำการทดสอบอยู่แล้ว แต่ระยะหลังเราทำถี่ขึ้น"เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว
สำหรับภาคเอกชนหรือบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์พบว่ามีเงินทุนสำรองเพียงพอรองรับวิกฤติยุโรป อัตราการเติบโตของกำไรอยู่ในเกณฑ์ดี และมีหนี้สินน้อย โดยเฉพาะหนี้ต่างประเทศ