นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)ตั้งงบลงทุน 5 ปี(ปี 56-60)ราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งจะเสนอแผนลงทุนดังกล่าวให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาในช่วงเดือน ส.ค.นี้ โดยงบลงทุนกว่าครึ่งจะใช้ขยายกิจการภายในภูมิภาคอาเซียน และยังเน้นไปที่ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปูนซิเมนต์ ธุรกิจคอนกรีค และธุรกิจวัสดุก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจการจัดจำหน่าย(Distribution)ด้วย
"เราจะลงทุนอาเซียนมากกว่า 50% เป็นโอกาสเหมาะที่จะเพิ่มสินทรัพย์ในอาเซียนที่ตอนนี้มีอยู่ 14% ของ ASSET ที่เรามีอยู่ อีก 86% อยู่ในไทย"นายกานต์ กล่าว
สำหรับรูปแบบบการลงทุนของบริษัทคงต้องใช้วิธีการเข้าซื้อกิจการ(M&A)เป็นหลัก เพราะเป็นวิธีการที่เร็วที่สุด แต่หากไม่มีดีล M&A ที่เหมาะสมและน่าสนใจเพียงพอ บริษัทก็คงจะต้องลงทุนด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ดี บริษัทได้มีการทบทวนแผนลงทุนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ขณะนี้ก็ได้ติดตามเฝ้าระวังวิกฤติยุโรปอย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไร ซึ่งจากการเดินทางไปยังทวีปยุโรปก็เห็นว่ามีโอกาสเข้าไปซื้อกิจการที่มีแบรนด์และเทคโนโลยีที่ดีเพื่อใช้เป็นช่องทางเข้าถึงตลาดยุโรป โดยบริษัทก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทในยุโรปหลายราย ประกอบกับที่ผ่านมา SCC ได้เข้าถือหุ้นบริษัทผู้ผลิตเซรามิกของอิตาลี 9.6% โดยบริษัทแห่งนี้มียอดขายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลี หรือคิดเป็นปีละประมาณ 300-400 ล้านยูโร
นายกานต์ เห็นว่า เวียดนามและอินโดนีเซียจะเป็นคู่แข่งของไทยในภูมิภาคอาเซียน เพราะมีค่าแรงถูกกว่า ดังนั้น ไทยควรจะต้องสร้างความแตกต่างด้วยการใส่ใจเรื่องแบรนด์และต้องลงทุนการวิจัยและพัฒนา(R&D)มากขึ้น รวมถึงปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้เป็นสากลมีภาษาอังกฤษประกอบในสลากต่างๆ รัฐบาลควรจะเป็นผู้นำการวิจัยและพัฒนา และใช้ได้จริงในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการรายเล็กในการสร้างสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ไทยมีงบ R&D เพียง 0.24%ของจีดีพี และทรงตัวมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา