นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเสนอแผนจัดหาเงินทุนที่จะใช้ในแผนลงทุนระยะยาว รวมถึงเงินลงทุนที่จะใช้ในการซื้อกิจการ Cove Energy ให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาในเร็ว ๆ นี้ โดยการซื้อกิจการ Cove จะได้ข้อสรุปในวันที่ 25 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นกำหนดสิ้นสุดการตอบรับคำเสนอซื้อหุ้น
ทั้งนี้ หากผู้ถือหุ้น Cove ตกลงขายหุ้นให้กับบริษัทตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ บริษัทก็ยังจะเดินหน้าซื้อกิจการ(M&A) เพิ่แติอมอีก 2-3 ดีลต่อไป เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายปริมาณการผลิต 9 แสนบาร์เรล/วะนภายในปี ค.ศ.2020 โดยปัจจุบันบริษัทมีปริมาณการผลิต 3 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นก๊าซจากแหล่งในประเทศ 2.5 แสนบาร์เรล/วัน และจากแหล่งในต่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแนด์ แคนาดา เป็นต้น
นายเทวินทร์ กล่าวว่า สำหรับการเดินมาเยือนประเทศไทยของนายเต่ง เส็ง ประธานาธิบดีพม่าในระหว่าง 22-24 ก.ค.นี้มีกำหนดการจะพบนักธุรกิจไทย รวมถึงกลุ่มธุรกิจพลังงานด้วย โดยกระทรวงพลังงานจะเป็นผู้ประสานความร่วมมือระหว่างไทยกับพม่า ซึ่งในส่วนของบริษัทได้เตรียมจัดสรรก๊าซจากแหล่งสัมปทานในประเทศพม่าทั้งแหล่งซอติก้าและแหล่ง M9 ให้กับทางการพม่าอีก 40 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จากเดิม 60 ล้านลูกบาศ์กฟุต/วัน ขณะที่จัดส่งมายังประเทศไทย 240 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน
นอกจากนี้ PTTEP ยังจัดสรรก๊าซจากแหล่งเดิม ได้แก่ แหล่งยาดานา นอกเหนือปริมาณก๊าซภายใต้สัญญาซื้อขายกับไทย 400 ล้านลูกบาศ์ฟุต /วัน
ขณะที่การสำรวจแหล่ง M3 ในพม่านั้นคาดว่าจะผลิตป้อนให้กับพม่าทั้งหมด เพราะเป็นแหล่งที่ใกล้เมืองร่างกุ้ง ซึ่งแหล่งดังกล่าวจะเริ่มสำรวจตั้งแต่ต้นปี 56 และคาดว่ากลางปีหน้าน่าจะเห็นปริมาณก๊าซ โดยขณะนี้ยอมรับว่าหาแท่นขุดเจาะยากมาก นอกจากนี้ ยังมีแหล่งสัมปทานบนบกอีก 2 แหล่งที่บริษัทเพิ่งได้สัมปทานไป
นายเทวินทร์ กล่าวว่า บริษัทจะเข้าไปช่วยเหลือทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ รวมถึงปิโตรเลียมให้กับประเทศพม่า ซึ่งจะเข้าไปดูโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆที่จำเป็น ได้แก่ โรงกลั่น ซึ่งพม่ามีอยู่แล้ว แต่คงต้องเข้าไปปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต รวมทั้งการลงทุนท่อก๊าซ และธุรกิจปิโตรเคมี โดยต้องรอดูว่าวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตปิโตรเคมีจากแหล่งก๊าซมีหรือไม่ และหากมีเป็นชนิดใด