ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 120.79 จุดเหตุวิตกหนี้ยุโรปลุกลาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday July 21, 2012 06:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ากลุ่มยูโรโซนจะสามารถควบคุมการลุกลามของวิกฤตหนี้หรือไม่ แม้มีรายงานว่ารัฐมนตรีคลังของกลุ่มยูโรโซนได้อนุมัติข้อตกลงช่วยเหลือภาคธนาคารของสเปนแล้วก็ตาม ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 120.79 จุด หรือ 0.93% ปิดที่ 12,822.57 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.85 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 1,362.66 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตวลง 40.60 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 2,925.30 จุด

อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.36% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.43% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.58%

นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวในยุโรปมากเป็นพิเศษ เนื่องจากทางการสหรัฐไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ โดยรายงานล่าสุดของยุโรประบุว่ารัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้อนุมัติข้อตกลงในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้ความช่วยเหลือสเปนด้วยการจัดสรรเงินพิ่มทุนหรือปรับโครงสร้างทางการเงินให้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศ

"เราได้อนุมัติบันทึกข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ซึ่งกำหนดถึงเงื่อนไขในการให้เงินกู้แก่สเปนเพื่อนำไปปรับโครงสร้างทางการเงินให้กับธนาคารของประเทศ รัฐมนตรีทั้ง 17 คนได้ให้การอนุมัติแล้ว ซึ่งหมายความว่า โครงการเงินกู้นี้สามารถดำเนินต่อไปได้ แต่จะยังไม่มีการจ่ายเงินในทันที เพราะยังต้องรอผลการวิเคราะห์ของธนาคารแต่ละแห่งซึ่งยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ " ลุค ฟรีเดน รมว.คลังลักเซมเบิร์กกล่าวในการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมทางโทรศัพท์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การอนุมัติข้อตกลงขั้นสุดท้ายเมื่อวานนี้ เป็นการเปิดทางให้มีการเบิกจ่ายเงินก้อนแรกจำนวน 3 หมื่นล้านยูโร (3.69 หมื่นล้านดอลลาร์) จากวงเงินกู้ 1 แสนล้านยูโร (1.22 แสนล้านดอลลาร์) ที่รมว.คลังยูโรโซนได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าจะมีการเบิกจ่ายเงินเมื่อไร รวมถึงยังไม่ทราบจำนวนเงินทั้งหมดที่จำเป็นในการพยุงภาคธนาคารของสเปนจนกว่าจะถึงเดือนกันยายน ซึ่งจะมีการประเมินธนาคารของสเปนเป็นรายๆไป

ความไม่แน่นอนของข้อตกลงดังกล่าวทั้งในแง่ของเวลาและวงเงินนั้น ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจลุกลามในวงกว้างและไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่ง

หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากต้นทุนการกู้ยืมของสเปนพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นแบงก ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 2.6% แม้ธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิ 2.46 พันล้านดอลลาร์ หรือ 19 เซนต์/หุ้น พลิกฟื้นจากที่ขาดทุนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 8.83 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะเดียวกันกำไรไตรมาส 2 ก็สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 15 เซนต์/หุ้น

หุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 1.6% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ จากหน่วยงาน Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของเจพีมอร์แกน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุน 4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้กำไรไตรมาสสองร่วงลง 9% มาอยู่ที่ระดับ 4.96 พันล้านดอลลาร์ จากไตรมาสสองปีที่แล้วที่ระดับ 5.43 พันล้านดอลลาร์ หรือปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.21 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากระดับ 1.27 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ส่งผลกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ดิ่งลง 1.9%

หุ้นแมคโดนัลด์ ร่วงลง 1.3% ขณะที่หุ้น Yum! Brands ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารชื่อดังอย่าง KFC และ Taco Bell ร่วงลง 1.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ