บมจ.ปตท (PTT) เตรียมขอผ่อนผันรัฐบาลในการสำรองน้ำมันตามยุทธศาสตร์ใหม่ที่ต้องดำเนินการให้ตามเกณฑ์ใหม่ภายใน 90 วัน จากการที่ภาครัฐได้มีการปรับเพิ่มการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศเพิ่มเป็น 90 วัน โดยในส่วนเอกชนเพิ่มสำรองจากเดิม 36 วัน เป็น 45 วัน หรือจาก 5% เป็น 6% ส่งผลให้เอกชนต้องเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันอีก 5.83 ล้านบาร์เรล ทั้งกลุ่มโรงกลั่นและผู้ค้าน้ำมัน
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย PTT กล่าวว่า อยากเสนอให้ทางภาครัฐผ่อนปรนเกณฑ์การสำรองน้ำมันเพิ่มที่กำหนดให้ดำเนินการภายใน 90 วัน เนื่องจากการหาสถานที่สร้างคลังน้ำมันทำได้ยากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้น 0.12-0.14 บาท/ลิตร ซึ่งเห็นควรจะผลักภาระไปให้ผู้บริโภคด้วย
ทั้งนี้ ทางกลุ่มปตท.ต้องการให้กำหนดเป็นการทยอยดำเนินการเป็นระยะ ไม่ใช่ทำครั้งเดียวภายใน 90 วัน โดยอาจจะแบ่งเป็นภายใน 90 วันสำรองเพิ่มอีก 2 ล้านบาร์เรล และที่เหลืออาจจะดำเนินการให้ครบภายใน 180 วัน เพราะขณะนี้หาสถานที่สร้างคลังน้ำมันยากขึ้น และยังต้องมีกระบวนการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ด้วย อาจจะต้องใช้เวลาถึง 4-5 ปีในการดำเนินการ หรืออาจจะขอให้มีภาครัฐอนุญาตให้คำนวณปริมาณน้ำมันที่อยู่ระหว่างขนถ่ายให้นับรวมเป็นปริมาณน้ำมันสำรองได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเห็นว่าบริเวณโรงกลั่นของ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)ยังพอมีที่ว่างสำหรับการสร้างคลังน้ำมัน หรืออาจจะขอเช่าพื้นที่ในอู่ตะเภา ซึ่งเคยเป็นฐานทัพสหรัฐอเมริกาหรือที่อื่นๆ ขณะที่ทางเกาหลีได้เสนอให้ไทยใช้คลังน้ำมันขนาด 40 ล้านบาร์เรล โดยรวมกับชาติอื่นด้วย และเสนอตัวเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในการสร้างคลังน้ำมันให้กับไทย
นายณัฐชาติ กล่าวว่า การที่เอกชนต้องเพิ่มการสำรองน้ำมันจาก 5% เป็น 6% โรงกลั่นน้ำม้นจะต้องเพิ่มปริมาณจาก 14.67 ล้านบาร์เรล เป็น 17.60 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นอีก 2.93 ล้านบาร์เรล และผู้ค้าน้ำมันจะเพิ่มจาก 14.53 ล้านบาร์เรลเป็น 17.43 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นอีก 2.90 ล้านบาร์เรล ซึ่งในส่วนผู้ค้าน้ำมัน ปตท.มีสัดส่วนการตลาดถึง 37% ของผู้ค้าน้ำมัน