นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) คาดว่า กล่าวว่า ในไตรมาส 2/55 รายได้และกำไรจากการดำเนินงานจะสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะต่ำกว่าไตรมาส 1/55 ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลปกติ และมั่นใจว่ารายได้ทั้งปี 55 ยังจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 15% ขณะที่การขยายธุรกิจของบริษัทยังดำเนินไปตามแผนงาน โดยคาดว่าจะสรุปการเข้าซื้อกิจการในประเทศ 1 แห่งและในเวียดนามอีก 1 แห่งภายในไตรมาส 3/55
บริษัทคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงการเติบโตของการอุปโภคบริโภค แต่สินค้าเวชภัณฑ์อาจชะลอตัวเล็กน้อย ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง รวมถึงราคาน้ำมันปาล์ม และการบริหารจัดการที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรอาจจะลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 1/55 เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 2/55 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังมั่นใจว่าทั้งปี 55 รายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 3 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศทั้งในเวียดนามและอินโดนีเซีย
สำหรับการซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศ คาดมีข้อสรุปภายในไตรมาส 3/55 โดยการซื้อกิจการในประเทศเวียดนามจะเป็นธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้บริษัทสามารถกระจายสินค้าได้กว้างมากขึ้น ส่วนในประเทศเป็นกิจการธุรกิจด้านสินค้าอุปโภคบริโภค
"เป้าหมายคือเราอยากสร้างที่กระจายสินค้าให้ลึกและกว้างขึ้นเพื่อให้กระจายสินค้าในท่อที่เราสร้างมา เพราะอยากเห็นสินค้าไทยกระจายไปในต่างประเทศมากขึ้น" นายอัศวิน กล่าว
ด้านการขายการลงทุนในประเทศพม่า มองว่าเป็นโอกาสและน่าสนใจลงทุน แต่เนื่องจากพม่ายังมีข้อจำกัดด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยเฉพาะไฟฟ้า ดังนั้น การลงทุนสร้างในอุตสาหกรรมหนักคงยังไม่เห็นในเร็วๆนี้ แต่อาจเป็นรูปแบบของการทำธุรกิจกระจายสินค้าเพื่อศึกษาตลาดก่อน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรหลายราย แต่ยังต้องใช้เวลา
ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) นั้น BJC มีการขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านมานานแล้วทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ลาว ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าภายใน 4-5 ปี บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจาก 15% เป็น 50% ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงรายได้จากในประเทศ
"การเปิด AEC ก็ทำให้การแข่งข้นมีสูงขึ้นอยู่แล้ว แต่หากผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ก็จะทำให้แข่งขันได้ในภูมิภาค"นายอัศวินกล่าว
ทั้งนี้ ได้เสนอแนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือ AEC โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่มีการลงทุนในต่างประเทศอาจมีความเสี่ยง แนะให้หาพันธมิตรในการขยายธุรกิจและการลงทุน
ขณะเดียวกัน นายอัศวิน กล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีที่ไทย เบฟเวอรเรจซื้อกิจการบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) และจะส่งผลดีต่อบริษัทมากน้อยแค่ไหน โดยระบุเพียงว่า BJC เน้นธุรกิจบรรจุภัณฑ์ก็จะเป็นพันธมิตรกับทุกราย